อาชญากรรม

‘วิโรจน์’ จี้สอบ ‘รถบรรทุกตกถนน’ โยงส่วยสติกเกอร์ ผบ.ตร.โต้ควรมีหลักฐาน เหตุทำเสียชื่อเสียง

โดย paweena_c

9 พ.ย. 2566

1.3K views

‘วิโรจน์’ จี้สอบ ‘รถบรรทุกตกถนน’ โยงส่วยสติกเกอร์ ฉะตร.ปล่อยทำลายหลักฐาน ผบ.ตร.โต้ควรมีหลักฐาน หากกล่าวหาเลื่อนลอย ทำตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง

จากอุบัติเหตุรถบรรทุกตกถนนที่ทำให้มีประเด็นโยงเรื่องของสติกเกอร์ตัวบีสีเขียวบนหน้ารถนั้น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ไปเมื่อวาน (8 พ.ย. 2566) จี้ให้ตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์หรือไม่ และตั้งคำถามถึงตำรวจที่ปล่อยให้ตักดินออก เพื่อทำลายหลักฐานการบรรทุกน้ำหนักเกิน

หลังจากที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุรถบรรทุกตกถนน บริเวณซอยสุขุมวิท 64/1 นายวิโรจน์ได้โพสต์ตั้ง 4 คำถามในกรณีนี้ ระบุว่า

1.ตำรวจ ปล่อยให้มีการตักดินที่อยู่ท้ายรถบรรทุุก ซึ่งเป็นพยานวัตถุสำคัญออกได้อย่างไร เข้าข่ายปล่อยปละละเลยให้ทำลายหลักฐานหรือไม่ ประเด็นนี้ พ.ต.อ.โอภาส หาญณรงค์ ผู้กำกับ สน.พระโขนง และ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ต้องสืบสวนข้อเท็จจริง จะวางเฉยไม่ได้

2.มีการบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่

3.สติกเกอร์ ดาวบีสีเขียว ที่ติดหน้ารถ เบื้องต้นมีเบาะแสว่าอาจจะย่อมาจาก “เสี่ยบิ๊ก” เรื่องนี้ตำรวจต้องสืบสวนว่า เสี่ยบิ๊กเป็นใคร มีตัวตนหรือไม่ เกี่ยวกับการจ่ายส่วยหรือไม่ และถ้ามี มีการส่งส่วยถึงนายตำรวจ และข้าราชการคนไหน ระดับใด

และ 4.กรณีรถแท็กซี่ ที่ได้รับความเสียหาย จะชดเชยเยียวยาอย่างไร เบื้องต้นได้ประสานไปยังการไฟฟ้านครหลวง ในฐานะเจ้าของโครงการเอาสายไฟฟ้าลงดินในจุดเกิดเหตุ ก็บอกว่าหากรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ก็ให้ กฟน.ไปไล่เบี้ยจากเจ้าของรถบรรทุกในภายหลัง

นายวิโรจน์ กล่าวย้ำเรื่องส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกว่า ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของตำรวจมากขนาดไหน ก็เสนอแนะให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้ามากำกับดูแล สืบสวนกรณีนี้อย่างใกล้ชิด หากพบเบาะแสในการเรียกรับผลประโยชน์ ก็ควรประสานไปยัง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อสนธิกำลังกวาดล้างขบวนการส่วยสติกเกอร์ให้สิ้นซาก ไม่ควรปล่อยให้เหลืองไรในคราบสีกากี คอยบ่อนทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของตำรวจไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้นแบบนี้

ขณะที่เช้านี้ (9 พ.ย. 2566) นายวิโรจน์ มาออกรายการคุยนอกจอ กับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กล่าวขยายเพิ่มเติม กรณีสติกเกอร์ดาวบีสีเขียว ว่ามีคนแจ้งว่า บี ย่อมาจาก เสี่ยบิ๊ก ซึ่งไม่ได้แปลว่าใหญ่ แต่เป็นสมญานามที่เรียกกัน

ส่วนข้ออ้างที่บอกว่า เป็นการติดสติกเกอร์เพื่อความสวยงามหรือบังแดดว่าฟังไม่ขึ้น กรณีจะติดเป็นรหัสรถบรรทุก ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรต้องมีตัวเลขลำดับกำกับ เช่น B01 / B02 / B03 แต่นี่ทั้ง 3 คนเป็นสติกเกอร์ดาวบีเหมือนกัน จึงไม่น่าจะใช่รหัสรถบรรทุก ส่วนที่บอกว่าใช้บังแดด ไปติดตรงกลางอาจบังทัศนวิสัยในการขับขี่มากกว่า

กรณีสติกเกอร์ดาวบีสีเขียว ยังมีนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ยืนยันว่ารถดังกล่าวเป็นรถที่จ่ายส่วย เพื่อวิ่งนอกเวลาและบรรทุกน้ำหนักเกินแน่นอน ซึ่งจะต้องจ่ายให้กับหลายหน่วยงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับรถของตัวเอง กล่าวว่า สติกเกอร์ดาวบีสีเขียว เป็นสติกเกอร์สำหรับรถบรรทุกขนวัสดุขนดินในไซด์งานก่อสร้างเข้าออกเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งในไซด์งานก่อสร้างจะไม่มีตาชั่งน้ำหนักสำหรับรถบรรทุก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรน้ำหนักก็เกินกฎหมายกำหนด

นอกจากนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจว่า รถบรรทุกคันเกิดเหตุล่าสุด อาจเป็นบริษัทเดียวกับกับกรณีที่เคยเกิดเหตุที่แยกมักกะสันก่อนหน้านี้ เพราะเป็นรถสีเดียวกัน แต่รถคันแรกที่มักกะสัน ตรวจจับไม่ได้ ก็เปรียบเทียบว่ารถจักรยานยนต์ที่ใส่หมวกกันน็อคปล้นทองยังจับได้เลย แล้วนี่รถคันเบ้อเร่อทำไมถึงจับไม่ได้ โดยชี้ว่านี่คือสาเหตุที่เรียกว่ากินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องแต่ก็พูดไม่ได้ เพราะในกรุงเทพฯ ยังกล้ากระทำผิดแล้ว ในต่างจังหวัดจะรุนแรงขนาดไหน

รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะต้องลงมาดูแลเรื่องนี้ เพราะถนนใช้งบมหาศาลในการก่อสร้าง แต่มีอภิสิทธิในการจ่ายเงินไม่กี่แสนบาท แต่สามารถทำงาน ทำให้คนที่ร่วมใช้รถใช้ถนน ต้องมาเสียหาย และเสี่ยงชีวิตไปด้วย

ด้านพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องส่วยสติกเกอร์ที่ติดอยู่หน้ารถบรรทุกว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสั่งการ เพราะแบ่งหน้าที่กันแล้ว ทุกคนรู้หน้าที่ แต่การกล่าวหาว่าสติกเกอร์ดังกล่าว เป็นส่วยสติกเกอร์ ที่สังคมเรียกกันนั้น ควรจะมีหลักฐาน หากกล่าวหาโดยเลื่อนลอย แม้จะเป็นการข้อสังเกตของสังคม แต่ก็ทำให้องค์กรตำรวจหรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม แต่หากตรวจสอบพบว่าสติกเกอร์ดังกล่าวเป็นส่วยสติกเกอร์เรียกรับผลประโยชน์ของตำรวจจริง จะดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/zYnH4VfXFuY


คุณอาจสนใจ

Related News