สังคม
ลูกจ้างโชว์แผลยันถูกทารุณจริง โต้นายจ้างโบ้ยทำร้ายตัวเอง ท้าให้ตรวจสารเสพติด
โดย panwilai_c
26 ต.ค. 2566
231 views
กรณีลูกจ้างร้องนายจ้างร้านอาหารแห่งหนึ่ง เรียกได้ว่าฟังความ 2 ฝ่าย เป็นหนังคนละม้วน! วันนี้สาวลูกจ้าง ที่อ้างว่าถูกนายจ้างทำร้าย เดินทางไปร้องขอความเป็นธรรม ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล พร้อมโต้กลับประเด็นที่นายจ้างให้สัมภาษณ์หลายประเด็น ยืนยันภาพเอาคัทเตอร์กรีด นายจ้างสั่งให้ทำ พร้อมท้าตรวจสารเสพติดยันตนเองไม่เคยเกี่ยวข้อง
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานางสาวเอ อายุ 21 ปี ลูกจ้างร้านอาหารแห่งหนึ่ง ไปร้องขอความเป็นธรรม ขอรับเงินเยียวยา และยื่นขอคุ้มครองพยาน ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ประจำรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นตัวแทนรับหนังสือ
วันนี้ นางสาวเอได้เปิดให้ทีมข่าวดูร่องรอยบาดแผลให้ดู ทั้งบาดแผลที่คอ และใบหน้า ซึ่งบอกว่า เป็นร่องรอยจากมีด แผลที่แขน ที่บอกว่าถูกกรรไกรตัดให้เป็นแผล
รวมถึงบาดแผลแถวหัวไหล่ ที่บอกว่า ถูกเอาแอลกอฮอล์ราด จุดไฟเผา ตามร่างกายในร่มผ้าอีกหลายจุด
นางสาวเอ โต้กลับนายจ้างหลายประเด็นที่นายจ้างให้สัมภาษณ์สื่อไปเมื่อวานนี้ ยืนยันว่าเธอถูกทำร้ายร่างกาย
ประเด็นแรก เรื่องที่นายจ้างเอาภาพที่ตนเอามีดคัทเตอร์มากรีด อ้างว่าเพื่อทำร้ายตัวเอง เพราะจะถูกนายจ้างให้ออก จึงทำร้ายตัวเองเพื่อข่มขู่นั้น นางสาวเอ ยืนยันว่า ไม่ใช่ความจริง แต่เป็นเพราะเวลาตนเองทำอะไรผิด เช่น กินของเหลือ หรือตื่นสาย ก็จะถูกนายจ้างสั่งให้ทำร้ายตัวเอง ให้เลือดไหล โดยจะให้เลือกระหว่างใช้มีดคัทเตอร์ หรือ ใช้เทปตีศีรษะ
จากนั้นก็จะวิดีโอคอลมาหา เพื่อเช็คว่าทำแล้วหรือยัง ถ้าทำแล้วมีเลือดแล้ว ก็จะดูว่าเป็นของจริงหรือไม่ ถ้าไม่ทำเอง เค้าจะมาทำเอง ตนเองกลัวว่า ถ้าเค้ามาทำจะหนักกว่านี้ ตนเลยเลือกหยิบคัตเตอร์มากรีด ให้เลือดออกให้เร็วที่สุด ตนเองถูกสั่งให้ทำร้ายร่างกายแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง บางทีเค้าก็ให้เลือกอุปกรณ์ในการทำร้ายเอง บางทีเค้าก็เลือกให้
ส่วนกรณีที่นายจ้าง โต้กลับอ้างว่า ตนเองอาจถูกทำร้าย เพราะเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีม้านั้น นางสาวเอ ยืนยันว่าสามารถตรวจสอบได้ ว่าตนเองไม่เคยไปเปิดบัญชีให้ใคร เคยเปิดแค่รอบเดียวแต่ปิดไปแล้ว เพราะตอนนั้นอายุแค่ 17 ปี ยังไม่ทราบว่าบัญชีม้าคืออะไร การเปิดบัญชีมันผิดกฎหมายขนาดไหน
ประเด็นที่2 เรื่องที่อ้างว่าพบอุปกรณ์คล้ายอุปกรณ์เสพยาอยู่ในห้องพัก ในเรื่องนี้ นางสาวเอ ยืนยันกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ถึงจะทำตัวเละเทะขนาดไหน ก็จะไม่มีเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด เพราะตนสัญญากับพ่อไว้
ส่วนอุปกรณ์เสพที่พบ นางสาวเอตอบว่า ตนไม่ได้อาศัยเพียงลำพัง อยู่กับพี่ร่วมงาน คนเดียวกับที่มาให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวานนี้ ซึ่งตนเองยินดีที่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจหาสารเสพติดในเส้นผม
ประเด็นที่3 นายจ้างโต้กลับตนเองว่ามีผู้ชายมาหาหลายคน น.ส.เอ ยืนยันว่าตั้งแต่ระยะเวลาที่คลอดน้องออกมา ตนยังไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหน หรือมีเพศสัมพันธ์กับใคร ยินดีที่จะมีการไปตรวจร่างกาย
ประเด็นที่4 เรื่องลักทรัพย์ โดยเฉพาะนาฬิกาของนายจ้าง นางสาวเอยืนยันว่า ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะเก็บ และไม่ได้ตั้งใจที่จะเอาโดยนาฬิกาวางอยู่ที่เคาน์เตอร์ แต่เหมือนกับว่านายจ้างให้ตนเอานาฬิกาใส่ในกระเป๋า แล้วเช้าวันต่อมาเค้าจะถ่ายคลิปว่าเจอนาฬิกาในกระเป๋าเรา เหมือนเป็นการสร้างเรื่องราวกล่าวหาว่าตนลักทรัพย์นายจ้าง
รวมถึงประเด็นเรื่องที่นายจ้างกล่าวหาวว่าตนเอากล้องจิ๋วไป รวมถึงเอาเมมโมรีจากกล้องวงจรปิดนั้น ยอมรับว่าเคยถอดจริง แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เนื่องจากตอนนั้น ตนได้ไปแอบกินเศษอาหารที่เหลือ หากนายจ้างรู้ ก็กลัวจะโดนลงโทษ ส่วนครั้งอื่นๆ เป็นนายจ้างที่ถอดเองเพื่อจะไม่มีหลักฐานว่าได้ทำร้ายตน
และประเด็นที่5 กรณีที่ตนเองปีนฝ้าหนีออกมา โดยนายจ้างอ้างว่า เป็นเพราะตนเองกลัวว่าจะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกลุ่มนั้น นางสาวเอ โต้กลับว่า ทำไมไม่ให้ตนทำงานตามปกติ จะขังไว้ทำไม
ตอนนี้ยอมรับว่ายังรู้สึกหวาดกลัว และเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อและลูกสาว ที่ผ่านมาชีวิตต้องกล้ำกลืนฝืนทน และไม่กล้าหนีออกมาเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของคนในครอบครัว
ทีมข่าวพยายามสอบถามว่าน.ส.เอ ว่าทำไมจึงยอมทำ และไม่หลบหนีออกไป มีพันธะสัญญาหรือข้อผูกมัดอะไรหรือไม่ นางสาวเอบอกว่า เป็นเพราะว่า เป็นห่วงลูก และพ่อ ประกอบกับตนคิดว่า ยังเป็นหนี้เค้าอยู่ ทั้งเรื่องที่มีการไปศาล เกี่ยวกับพรากผู้เยาว์ ที่ตนแจ้งความแฟน และการฝากครรภ์ คลอดลูก และมีค่าโรงพยาบาลของพ่อ
ด้านนายเอกภพ ระบุว่าหลังจากนี้จะพานางสาวเอ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ และในวันพรุ่งนี้จะไปกระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานในการตรวจด้านสุขภาพจิต ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการทำร้ายตัวเองหรือไม่ รวมถึงตรวจร่างกายว่ามีการร่วมประเวณี หรือมีการล่วงละเมิดหรือไม่ แล้วจึงจะไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อทำการตรวจหาสารเสพติดจากเส้นผมในวันพรุ่งนี้
ทีมข่าวคุณชญตร์ ได้ข้อมูลจากชายคนหนึ่งอายุ 46 ปี ผู้ที่อยู่อาศัยหอพักเดียวกับนางสาวเอ เล่าว่า รู้จักกันประมาณหนึ่งปีกว่า โดยนางสาวเอ จะเลิกงานดึก หลายครั้งนางสาวเอจะมาขอเศษเงิน หรือไม่ก็ขออาหาร จนตนถามว่าไปทำงานไม่ได้เงินหรือ
จนช่วงหลังมาที่ตนเองสังเกตเห็นว่านางสาวเอมีบาดแผลตามร่างกาย โดยเฉพาะที่ศรีษะ และตามแขน รวมถึงเคยเห็นโกนศีรษะ เลยถามว่าไปทำอะไรมา นางสาวเอบอกว่าไปบวชแก้บนมา ซึ่งตอนนั้นก็สงสัยว่าอาจถูกทำร้ายร่างกายหรือไม่
กระทั่งเพื่อนรุ่นพี่ของนางสาวเอมาเล่าให้ฟังว่า นางสาวเอถูกนายจ้างทำร้าย และโกนศีรษะ เวลาไปพบแพทย์ก็จะถูกบังคับให้บอกหมอว่าทำร้ายร่างกายตัวเอง และเป็นโรคซึมเศร้า ที่ผ่านมาตนรู้สึกสงสารนางสาวเอมาก จนอยากให้เป็นข่าวมานานแล้ว
ขณะที่ชายวัย25 ปี ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของร้านอาหารแห่งนี้ ให้ข้อมูลว่าเคยเห็นนางสาวเอถูกนายจ้างต่อว่าหลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นว่าถูกทำร้ายร่างกายหรือไม่ และในช่วงสองเดือนหลังมานี้ เห็นนางสาวเอมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป โดยใส่หน้ากากพยายามปกปิดใบหน้า และสวมเสื้อผ้าปกปิดแขน เหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่ไม่กล้าพูด
ทางด้านคดี พันตำรวจเอก ชัยพันธุ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผู้กำกับการ สน. ภาษีเจริญ ให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้พนักงานสอบสวน พร้อมทีมสหวิชาชีพ , นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ร่วมสอบปากคำน.ส.เอ ซึ่งสาวลูกจ้างก็ยังยืนยันว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามที่เล่า
หลังจากสอบปากคำลูกจ้างเสร็จ พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนายจ้างมาสอบปากคำเช่นเดียวกัน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ หลังจากนี้จะเชิญทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/iogwa83TZXo