ญาติ 2 ฝ่าย แจงปมแย่งศพ 3 แม่ลูก ตกลงกันแล้วจะจัดพิธีฌาปนกิจที่กำแพงเพชร

ความคืบหน้าเหตุสลด ชายวัย 41 ปี ใช้มีดทำร้ายภรรยาและลูกชาย เสียชีวิต 3 ราย ที่บ้านพัก จ.สมุทรปราการ ปมเหตุเครียดปัญหาหนี้สินที่ไปค้ำประกันจนถูกยึดบ้าน และภรรยา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินไปถึง 1.7 ล้านบาท

นายศักดิ์สิทธิ์ ระพาเพท รองปลัดเทศบาลเมืองบางแก้ว เปิดเผยถึงเรื่องการจัดงานศพผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ว่าได้รับการประสานจากญาติฝ่ายหญิงว่าจะจัดพิธีที่วัดหนามแดง จ.สมุทรปราการ จึงไปติดต่อจองศาลาวัดหนามแดงไว้ให้ แต่ปรากฏว่าพี่ชายของผู้ก่อเหตุ มาติดต่อรับศพ 3 แม่ลูก กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่กำแพงเพชร ก่อนที่ญาติของฝ่ายหญิงจะมาถึง

ต่อมา นายสุรศักดิ์ อายุ 66 ปี พ่อเลี้ยงของฝ่ายหญิง เดินทางมาที่ สภ.บางแก้ว เพื่อแจ้งความเอาผิดลูกเขย ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยมี พันตำรวจโท รังสรรค์ คำสุข รองผู้กำกับการสอบสวน รักษาราชการแทน ผู้กำกับการ สภ.บางแก้ว เป็นคนรับแจ้งความ

จากนั้น นายสุรศักดิ์ เผยว่า ตนเองไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงมีการรับศพกลับไปที่กำแพงเพชร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยตกลงกันแล้ว ว่าจะนำศพลูกสาวและหลานชายทั้ง 2 คน ตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดหนามแดง เนื่องจากมีญาติพี่น้องที่ทำงานแถวนี้ และเพื่อความสะดวกกับญาติทั้งสองฝ่าย เรื่องนี้ตนไม่ยอม และต้องนำศพลูกสาวและหลานชาย กลับมาที่วัดหนามแดง ส่วนเรื่องที่จะแจ้งความเอาผิดในข้อหาลักศพหรือไม่นั้น ขออุบไว้ก่อน ที่ผ่านมาตนเองติดต่อลูกสาวไม่ได้มา 2-3 เดือนแล้ว โทรไปเขาไม่รับสาย ลูกสาวก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง เห็นใช้ชีวิตตามปกติสุข ส่วนลูกเขยก็เป็นคนนิสัยดี จึงไม่เคยทราบเรื่องมาก่อนจนกระทั่งมาเกิดเหตุ

ด้าน นายพิเชษฐ์ อายุ 50 ปี พี่ชายผู้ก่อเหตุ เผยว่า น้องชายเป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ที่ผ่านมาไม่เคยปรับทุกข์อะไรกับตนเลย จึงไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจ ส่วนเรื่องการกู้เงินจากแหล่งต่าง ๆ นั้น ตนยังไม่เห็นรายละเอียด ตอนนี้ตำรวจก็เก็บหลักฐานไปหมดแล้ว ขอจัดการเรื่องงานศพของทั้ง 3 ศพก่อน โดยจะเผาในวันพฤหัสบดีนี้ จากนั้นจะเดินทางไปให้ปากคำกับตำรวจ

ส่วนเรื่องที่ญาติน้องสะใภ้ บอกว่าไม่อนุญาตให้รับศพมาประกอบพิธีที่กำแพงเพชร ขอชี้แจงว่า ตนรับศพมาถูกต้อง มีรองผู้กำกับเซ็นรับรองให้ ส่วนเรื่องเงินประกันของหลาน ตนยืนยันว่าไม่รู้ และไม่ได้คิดเรื่องนั้น หากญาติทางโน้นจะมารับศพกลับ ก็สามารถทำได้ แต่ศพทำพิธีไปแล้ว อยากให้มาร่วมพิธีที่นี่มากกว่า

ล่าสุด ทีมข่าวติดต่อไปที่นายไพบูลย์ น้องชายของฝ่ายหญิงที่เสียชีวิต ถึงเรื่องการจัดงานศพ ซึ่ง นายไพบูลย์ บอกว่า ฝ่ายพี่เขยไม่รับโทรศัพท์ จึงไม่ทราบเรื่องว่าฝ่ายพี่เขยจัดงานที่ไหนอย่างไร และไม่รู้เลยว่าศพจะเผาวันพฤหัสบดีนี้แล้ว ซึ่งข่าวที่ออกไปพาดหัวว่า ศึกแย่งศพนั้น ครอบครัวก็ไม่โอเค ตอนนี้ฝ่ายตนเป็นผู้สูญเสีย กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก ตอนนี้ตนจะไปพูดคุยกับพ่อ เพื่อเดินทางไปร่วมงานศพที่กำแพงเพชรแทน เพราะสงสารพี่สาวหากต้องย้ายศพไปมา

ส่วนเงินบริจาคที่โรงเรียนของเด็กชายทั้ง 2 คน คือโรงเรียนบางแก้วประชาสรรค์ ของลูกคนโต และโรงเรียนสาธิตบางแก้ว ของลูกคนเล็ก ได้เปิดรับบริจาคเงิน เพื่อใช้ประกอบพิธีศพของทั้ง 3 คน ล่าสุดปิดรับบริจาคแล้ว โดยยอดเงินบริจาคของโรงเรียนบางแก้วประชาสรรค์ อยู่ที่ 2,390,244 บาท ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในบัญชีธนาคารของโรงเรียน ส่วนของโรงเรียนสาธิตบางแก้ว ไม่ได้เปิดรับบริจาค แต่เป็นการเรี่ยไรกันของครูและผู้ปกครอง เป็นเงิน 72,409 บาท เงินส่วนนี้ จะนำไปใช้จ่ายเป็นค่าทำศพ และร่วมทำบุญ หากเงินไม่หมด ก็จะนำไปทำบุญกับทางโรงพยาบาลบางพลี และโรงพยาบาลคลองขลุง