ราคาน้ำมันโลกดิ่งอีกกว่า 2%-เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เตือนตลาดผันผวนหนัก

ราคาน้ำมันตลาดโลก ปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมา ดิ่งลงอีกกว่า 2% ท่ามกลางความกังวลสหรัฐฯ ปิดกิจการ 2 แบงก์ใหญ่

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 74.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

ด้านน้ำมันดิบเบรนท์ ลอนดอน ปรับลดลง 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.43% ปิดที่ 80.77 ดอลลาร์/บาร์เรล


ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารสหรัฐ หลังรัฐบาลสหรัฐสั่งปิดกิจการของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือเอสวีบี และซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) หรือเอสบี ซึ่งคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (14มี.ค.66) ที่ระดับ 34.57 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์


กรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.45-34.75 บาท/ดอลลาร์ (ก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ) การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ส่วนหนึ่งมาจากการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ


ในวันนี้ ค่าเงินบาท (รวมถึงเกือบทุกสินทรัพย์) มีความเสี่ยงที่จะผันผวนหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ ผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันนี้ นอกจากนี้ ความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดได้สร้างความกังวลต่อระบบธนาคารในหลายภูมิภาค ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง และมีโอกาสที่จะเห็นแรงขายหุ้นไทยเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ การปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ทั่วโลก ก็อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายบอนด์ไทยได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทจะไม่ได้อ่อนค่าหนัก เพราะยังพอมีแรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำอยู่ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์


ในช่วงนี้ ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก) ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน