‘หวย 30 ล้าน’ ไม่จบ! ทนายตั้ม ลั่น กรรมระงับด้วยกรรม เปิดศึกล่าครูมโนหวยหาย

มหากาพย์คดีหวย 30 ล้าน ไม่จบง่ายๆ “ทนายตั้ม” ลั่น กรรมต้องระงับด้วยกรรม ควง “ลุงจรูญ” เปิดยุทธการไล่ล่าครูเมืองกาญจน์ มโนหวยหาย

กรณีคดีมหากาพย์หวย 30 ล้าน ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล  และ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา หลังยืดเยื้อเกือบ 5 ปี  ซึ่งเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง “ลุงจรูญ” ในคดียักยอกทรัพย์ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ “ครูปรีชา” ได้ฟ้องร้องไว้ในข้อหายักยอกทรัพย์หรือรับของโจร โดยศาลจังหวัดกาญจนบุรีมีคำพิพากษาว่า “ครูปรีชา” ไม่ใช่เจ้าของลอตเตอรี่ดังกล่าว จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง

ล่าสุดดูเหมือนเรื่องราวจะยังไม่จบ เมื่อ “ทนายตั้ม ษิทรา” ได้โพสต์รูปภาพของ “ลุงจรูญ” พร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ว่า “ยุทธการไล่ล่าครูเมืองกาญฯมโนหวยหาย กำลังเริ่มสนุกแล้วนะครับขอบอกเลยว่าวันนี้คำว่าให้อภัยไม่อยู่ในพจนานุกรม กรรมต้องระงับด้วยการรับกรรม ทำอะไรลงไปก็รับผลมันไปเต็มๆ แล้วกันครับครู หวย30ล้าน ภาค2”

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ส.ค. 65) ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล ภรรยาพร้อม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เข้านัดสืบพยานคดีกรณีที่ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา และทนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความของครูปรีชา ในความผิดฐาน ร่วมกันฟ้องเท็จกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเปิดคดีหวย 30 ล้านภาค 2

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ครูปรีชา เคยฟ้องหมวดจรูญ ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์และรับของโจร รวมถึงคดีอื่นๆ รวมกว่า 10 คดี และมีการต่อสู้ในชั้นศาลกันมานานกว่า 5 ปี ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องหมวดจรูญ ทำให้หวย 30 ล้านตกเป็นของหมวดจรูญ ปิดฉากหวย 30 ล้านภาค 1 ไปแล้วนั้น

ทนายตั้ม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องและสืบพยานโจทก์ปากแรก คือหมวดจรูญ ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งวันนี้ตนจะขึ้นให้การเป็นพยานปากที่สอง ส่วนปากที่สามจะเป็นพิธีกรรายการช่องดังช่องหนึ่ง ซึ่งยืนยันว่า ครูปรีชาไม่ได้ไปตลาดเรดซิตี้ เพื่อซื้อลอตเตอรี่ชุดที่ถูกรางวัล ในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ตามที่กล่าวอ้าง แต่ทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ซื้อจริง ก็ยังไปแจ้งความดำเนินคดีกับหมวดจรูญ และถือเป็นการฟ้องเท็จอย่างชัดเจน เชื่อว่าจะสามารถเอาผิดกับครูปรีชาและทนายได้แน่นอน

ขณะที่ นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความของครูปรีชา เดินทางมาศาลตามลำพัง เท่าที่สังเกตมีสีหน้าเคร่งเครียดและนำกระเป๋าเอกสารใบใหญ่มาด้วย ก่อนจะรีบเดินขึ้นห้องพิจารณาคดี โดยไม่ให้สัมภาษณ์ จากนั้นไม่นาน ครูปรีชาก็เดินมาจากอีกด้านของประตูศาลพร้อมกับทนายความคนใหม่ และผู้สื่อข่าวสังเกตว่า ครูปรีชามีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดและปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์

เมื่อสื่อมวลชนถามว่าเลิกใช้บริการ ทนายวรยุทธ แล้วหรือ ครูปรีชาก็ตอบมาเพียงสั้นๆ ว่ามีทนายหลายชุด ก่อนจะรีบเดินขึ้นห้องพิจารณาคดีไปทันที และเป็นที่น่าสังเกตว่า การเดินทางมาศาลของครูปรีชาและทนายวรยุทธ ในครั้งนี้ แตกต่างจากทุกครั้งซึ่งปกติจะมาด้วยกัน แต่วันนี้ทั้งคู่กลับแยกกันเดินมาจากคนละด้านของประตูศาลและทั้งคู่ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดด้วย