ไม่จบ! คณะเจ้าภาพกฐิน นุ่งชุดขาวโดดถีบลูกศิษย์วัด แม่ครัวแฉ หลวงตาโดนหว่านล้อมให้แก้ข่าว

ความคืบหน้ากฐินอลเวง ชาวบ้านยังสงสัยเจ้าภาพ งานทอดผ้าป่า 2 กองที่ผ่านมายอดเงินยังไม่เคลียร์ ขณะที่ลูกศิษย์วัดเกือบวางมวยกับคณะเจ้าภาพ ระบุทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับปล้นเงินกฐิน

กรณีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหนองไผ่ ตำบลหลักเขต อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบงานทอดกฐินของวันหนองไผ่ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีการประกาศยอดเงินกฐินภายในวันนั้น และไม่ให้ถามยอดด้วย จนช่วงเย็นคณะเจ้าภาพได้นำเงินมามอบให้เจ้าอาวาส จำนวน 100,000 บาท แต่ก็ไม่ได้แจ้งยอดรวมกฐินว่ามีทั้งหมดเท่าไหร่ และส่วนที่เหลือไปอยู่ที่ไหน สร้างความคาใจให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ส่วนนึงก็คาดกันว่าคณะเจ้าภาพน่าจะหอบเงินที่เหลือกลับบ้านไป กระทั่งเจ้าอาวาสวัดเองก็ออกมาเผยว่า คณะเจ้าภาพทำแบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว

กระทั่งต่อมา นายฉัตรพงษ์ อายุ 58 ปี เจ้าภาพงานกฐินที่ถูกกล่าวหา ได้ออกมาชี้แจงว่า เงินกฐินในวันนั้น ได้ยอดรวมทั้งหมด 231,702 บาท ส่วนหนึ่งแบ่งให้เจ้าอาวาสไว้ 100,000 บาท ส่วนที่เหลือเอาเก็บไว้กับแม่บ้านวัด เพื่อเตรียมเอาไว้สร้างพระนอนไม่ได้เอากลับบ้านแต่อย่างใด แต่ชาวบ้านยังแคลงใจไม่หายว่ายอดเงินทั้งหมดเท่าไหร่

ปรากฎว่าเมื่อวานนี้หลังมีการนำเสนอข่าวออกไป เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงที่วัดหนองไผ่ พร้อมกับเรียกคณะกรรมการหมู่บ้าน และเจ้าภาพกฐิน นำเงินจากเจ้าอาวาส จำนวน 100,000 บาท และเอาเงินจากแม่ครัวที่เจ้าภาพมาฝากไว้ก่อนหน้านี้อีก 131,702 บาท มานับร่วมกันบนศาลาวัด แต่ปรากฎว่าเงินขาดไป 2,500 บาท นายฉัตรพงษ์ เจ้าภาพ จึงได้ควักเงินสดมาเติมให้เต็มจำนวน โดยให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ เป็นประธานถวายเงินกฐินให้กับเจ้าอาวาสย้อนหลังแทน

โดยระหว่างที่บนศาลามีพิธีถวายเงินกฐินอยู่นั้น ด้านล่างศาลาวัดได้มีการโต้เถียงกันระหว่างลูกศิษย์วัด กับคณะเจ้าภาพ ถึงกับกระโดดถีบลูกศิษย์วัด โดยทางคณะเจ้าภาพผู้หญิง ไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาเอาเงินกลับบ้าน ตนเองเป็นคนทำบุญ ถ้าไม่หาคนมาทอดกฐิน จะได้เงินถึง 2-3 แสนไหม

ขณะที่นายฉัตรพงษ์ เจ้าภาพกฐิน ยังยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่เคยเอาเงินออกไปจากวัด ตั้งใจทำบุญ อยากสร้างความเจริญให้วัด ทางตนเองและคณะเจ้าภาพไม่มีใครหอบเงินหนีตามที่ถูกกล่าวหาแม้แต่บาทเดียว เชื่อว่าปมเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคณะกรรมการวัดบางคนไม่พอใจตนเองเป็นการส่วนตัวมากกว่า และขอยุติเรื่องทั้งหมด

ด้านนางสาวบุญธรรม ยาประโคน อายุ 72 ปี แม่ครัววัด ได้ออกมาเผยว่า ตนอยู่วัดนี้มานาน กฐินจะได้เงินเท่าไหร่ ตนไม่ทราบ ตนเข้ามารับรู้ตอนที่เจ้าภาพเอาเงินกฐินที่เหลือ ประมาณ 130,000 บาท มาคืนให้หลวงพ่อตอนเวลาประมาณ 08.00 น.ของวันที่ 17 พ.ย. แต่หลวงตาไม่รับ เจ้าภาพจึงฝากกับตนเองไว้ จึงแจ้งให้คณะกรรมการหมู่บ้านมารับไป

นอกจากนี้ยังแฉด้วยว่า ช่วง 4 ทุ่ม ของวันที่ 17 พ.ย. คณะเจ้าภาพกฐินได้เดินทางมาที่วัดอีกรอบ แล้วเรียกตนให้ไปปลุกหลวงตา จากนั้นกลุ่มเจ้าภาพได้พูดหว่านล้อมให้หลวงตาแก้ข่าวให้ และให้หลวงตาสารภาพว่าจำไม่ได้ และให้พูดครับตลอด ส่วนตัวสงสารหลวงตาที่ต้องฝืนพูด เพื่อให้เจ้าภาพถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานให้เขา รวมถึงตัวเองต้องพูดตามที่เขาบอกว่าเงินส่วนต่างได้อยู่กับตนตั้งแต่หลังเสร็จงานกฐิน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

ขณะที่นายอำนาจพิทักษ์ พักรัมย์ ลูกศิษย์วัดที่โดนคณะเจ้าภาพถีบระหว่างการถวายกฐินย้อนหลัง บอกว่า ตนเองเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต กับการทอดกฐินแบบนี้ ที่ทำลักษณะแบบนี้เหมือนเป็นการปล้นเงินกฐิน จริงแล้วเงินกฐินจะต้องตกเป็นของวัด ส่วนวัดจะเอาไปทำอะไรเป็นเรื่องของวัด ส่วนที่ตนโดนถีบไม่อยากถือสา

ด้านนายสนิ้ง เรืองรัมย์ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และคณะกรรมการวัดหนองไผ่ ระบุว่า ตนก็รู้สึกเห็นใจเจ้าภาพกฐินที่ถูกสังคมตำหนิ แต่ชาวบ้านก็ยังคาใจสงสัยว่าที่ผ่านมาผ้าป่า 2 กอง ก่อนที่จะมาเป็นกฐินในปีนี้ เจ้าภาพรายนี้จัดการบริหารเองทั้งหมด ปีแรกได้เงิน 100,000 บาท มอบให้หลวงตา 20,000 บาท ปีที่ 2 ได้เงิน 150,000 บาท เอาให้หลวงตา 25,000 บาท แต่ชาวบ้านไม่มีใครรู้เลยว่า ยอดเงินที่แท้จริงได้เท่าไหร่

ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่กล้าพูดมาก เพราะเจ้าภาพเป็นคนเอาเงินมาถวาย ทั้งยังประกาศชัด"พระไม่จำเป็นต้องรู้ยอดกฐิน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์" ซึ่งหลังจากถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นคนหอบเงินกฐินกลับบ้าน ทางคณะเจ้าภาพก็ยังพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการให้หลวงตาและแม่บ้านวัดมาแก้ข่าวให้แต่ไม่เนียน ทำให้โลกโซเชียล ออกมาตำหนิซ้ำเติมอีก