ต่างประเทศ
ศาลสหรัฐฯสั่งระงับคำสั่ง “ทรัมป์” ชั่วคราว ปมถอนสิทธิ“ม.ฮาร์วาร์ด” รับนักศึกษาต่างชาติ
โดย paranee_s
24 พ.ค. 2568
350 views
การเผชิญหน้าระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกับรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (22 พ.ค.) ที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จากโครงการรับนักศึกษาและผู้มาเยือนแลกเปลี่ยน หรือ SEVP โดยให้เหตุผลว่า ฮาวาร์ดยังคง สร้างสภาพแวดล้อมในมหาวิทยาลัยที่ไม่ปลอดภัย "ส่งเสริมความรุนแรง ต่อต้านชาวยิว และร่วมประสานการทำงานกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน"
โดยคำสั่งดังกล่าวทำให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติได้อีกต่อไป และนักศึกษาต่างชาติที่เรียนอยู่จะต้องโอนย้าย มิฉะนั้นจะสูญเสียสถานะทางกฎหมายการอยู่ในสหรัฐฯ
หลังจากนั้น 1 วันคือเมื่อวานนี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ตอบโต้กลับ ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางบอสตันปกป้องสิทธิและเสรีภาพในการพูดและแสดงความคิดเห็น พร้อมกับย้ำว่า หากไม่มีนักศึกษาต่างชาติ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สถาบันเก่าแก่ที่มีอายุ 389 ปี ก็ไม่ใช่ฮาร์วาร์ด อีกต่อไป ซึ่งล่าสุดศาลก็มีคำสั่งระงับคำสั่งรัฐบาลทรัมป์เป็นการชั่วคราวแล้ว
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า รัฐบาลทรัมป์อาจยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวของผู้พิพากษา
สำหรับตัวเลขนักศึกษาต่างชาติของฮาร์วาร์ดในปีการศึกษาปัจจุบันนี้มีเกือบ 6,800 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 27 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด
ทั้งนี้เมื่อปี 2022 นักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนที่ฮาร์วาร์ดมากที่สุดเป็นชาวจีน โดยมี 1,016 คน รองลงมาคือ นักศึกษาจากแคนาดา อินเดีย เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ในขณะนี้ทวีความตึงเครียดถึงขีดสุด หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามบังคับให้สถาบันต่าง ๆ ตั้งแต่มหาวิทยาลัย สำนักงานกฎหมาย สื่อ ศาล และสถาบันอื่น ๆ ที่เห็นคุณค่าของความเป็นอิสระจากการเมือง ให้เปลี่ยนมาปฏิบัติตามนโยบายของเขา โดยทรัมป์และพรรครีพับลิกัน มักจะกล่าวหาบรรดามหาวิทยาลัยชั้นนำว่า มีอคติเอนเอียงไปทางแนวคิดฝ่ายซ้าย
ขณะที่เมื่อวานนี้ผู้สื่อข่าวถามประธานาธิบดีทรัมป์ว่า มหาวิทยาลัยอื่น ๆ จะถูกดำเนินนโยบายเดียวกับฮาร์วาร์ดหรือไม่ ซึ่งเขากล่าวว่า จะต้องมีการพิจารณาปัจจัยอื่นๆประกอบกัน ทรัมป์ยังได้กล่าวถึงมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า รัฐบาลจะต้องจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับฮาร์วาร์ด ซึ่งมหาวิทยาลัยมีเงินทุนมากถึง 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินเหล่านี้่ส่วนหนึ่งนำไปกู้ยืมเพื่อการศึกษา ดังนั้น ฮาร์วาร์ดจะต้องเปลี่ยนวิธีการของตน เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆเช่นกัน
เมื่อวานนี้คริสตี โนเอม (Kristi Noem) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด "สร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ไม่เป็นมิตรกับนักศึกษาชาวยิว มีการทำร้ายนักศึกษาชาวยิวในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดความเห็นอกเห็นใจกลุ่มฮามาส ตลอดจนฮาร์วาร์ดยังใช้แนวทางความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม ที่เหยียดเชื้อชาติด้วย
รัฐบาลสหรัฐฯยังระบุด้วยว่า ฮาร์วาร์ดยังเคยให้การต้อนรับและฝึกอบรมสมาชิกกลุ่มกึ่งทหารจากจีน เมื่อปี 2024 ด้วย ซึ่งถือเป็นการประสานการทำงานกับรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน
เจ้าหน้าที่ของฮาร์วาร์ดและทรัมป์ขัดแย้งกันมาหลายเดือนแล้ว โดยฝ่ายบริหารของทรัมป์เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยเปลี่ยนแปลงโครงการ นโยบาย การจ้างงาน และการรับนักศึกษาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เพื่อขจัดลัทธิต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย และขจัดสิ่งที่เรียกว่า "การปฏิบัติที่เหยียดเชื้อชาติ" แต่ผู้นำของมหาวิทยาลัยโต้แย้งว่า คำขอหลายรายการ รวมทั้งการ "ตรวจสอบ" มุมมองของนักศึกษาและเจ้าหน้าที่นั้น เกินเลยบทบาทของรัฐบาลกลาง และอาจละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของฮาร์วาร์ด
เมื่อวานนี้รัฐบาลจีนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยนางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า การกระทำของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างจีนและสหรัฐฯ สุดท้ายแล้วก็เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย จีนยังย้ำด้วยว่า จีนจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของนักศึกษาและนักวิชาการของตนในต่างประเทศ
แท็กที่เกี่ยวข้อง