บราซิลประสบน้ำท่วมใหญ่ในรอบกว่า 80 ปี คร่าชีวิตแล้วอย่างน้อย 39 ราย

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ในรัฐรีโอกรันดีโดซูล ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่และเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 80 ปี คร่าชีวิตของประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 39 คน แต่ตัวเลขอาจสูงกว่านี้เพราะยังมีคนสูญหายอีกจำนวนมาก

หน่วยงานด้านการป้องกันพลเรือนของรัฐรีโอกรันดีโดซูลเปิดเผยว่า มีประชาชน 68 คนยังสูญหาย อีกอย่างน้อย 24,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และประมาณ 5 แสนคนขาดแคลนไฟฟ้ากับน้ำสะอาด หลังเมืองต่าง ๆ กว่า 250 เมืองของรัฐถูกพายุพัดถล่ม อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เผยว่า ตัวเลขสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้มากขึ้น

ตอนนี้ หลายเมืองของรัฐรีโอกรันดีโดซูลกำลังถูกน้ำท่วมหนัก ถนนหนทางกลายสภาพเป็นแม่น้ำ มีถนนและสะพานพังถล่ม

นอกจากนี้ พายุยังทำให้เกิดดินถล่ม และเขื่อนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่งพังทลายด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคลื่นสูง 2 เมตร สร้างความตื่นตระหนก และความเสียหายเพิ่มเติมให้กับพื้นที่ที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ทางการกำลังจับตาเขื่อนแห่งที่ 2 ที่ตั้งอยู่ในเมืองเบนโตจ กอนคอลเวส (Bento Goncalves) ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะพังถล่ม ทำให้ต้องออกคำสั่งอพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง

ส่วนที่เมืองปอร์ตู อาเลเกร (Porto Alegre) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐรีโอกรันดีโดซูล น้ำในแม่น้ำได้เอ่อล้นตลิ่ง และทะลักเข้าท่วมถนน ปิดกั้นทางเข้าออกย่านใจกลางเมืองอันเก่าแก่

เจ้าหน้าที่ของรัฐรีโอกรันดีโดซูลได้นำเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบน้ำท่วมคู่หนึ่ง ที่ติดอยู่บนหลังคาบ้าน ซึ่งกำลังถูกน้ำท่วมหนัก

หน่วยงานธรณีวิทยาของบราซิลเผยว่า น้ำท่วมครั้งนี้มีความรุนแรงและเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 หรือ 83 ปีก่อน ขณะที่บางเมืองมีระดับน้ำสูงสุด นับตั้งแต่มีการเก็บบันทึกเมื่อเกือบ 150 ปีก่อน

ทั้งนี้ รัฐรีโอกรันดีโดซูล ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นจุดบรรจบทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างบรรยากาศเขตร้อนและขั้วโลก ทำให้เกิดสภาพอากาศแบบสุดขั้ว เช่น ฝนตกหนัก และภัยแล้ง อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ในท้องถิ่นเชื่อว่า สภาพอากาศดังกล่าวมีความรุนแรงขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

อุทกภัยครั้งนี้ยังเกิดขึ้น หลังบราซิลเผชิญกับภัยแล้งต่อเนื่องมาอย่างยาวนานกว่า 2 ปี จากปรากฏการณ์ลานีญ่า (La Nina)