ผลศึกษาชี้ 'โลกร้อนจากฝีมือมนุษย์' ทำเอเชียเสี่ยงร้อนพุ่ง 45 เท่า ต้องลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล

สำนักข่าว เอบีซี รายงานอ้างผลการศึกษาของ คณะนักวิทยาศาสตร์จาก องค์กร เวิลด์ เวเธอร์ แอททริบิวชั่น (World Weather Attribution) ชี้ว่า สภาพอากาศร้อนจัดที่ประเทศในเอเชีย และตะวันออกกลาง เผชิญช่วงปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นถึง 45 เท่า ในบางพื้นที่ของทวีป อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์

นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้แบบจำลองสภาพภูมิอากาศ เพื่อระบุในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อตรวจสอบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ส่งผลกับสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นทั่วโลกหรือไม่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า มันมีส่วนเกี่ยวพันกันอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ในฟิลิปปินส์ นักวิทยาศาสตร์พบว่าอากาศร้อนจัด เป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีปัจจัยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ร่วมด้วย ขณะที่ในบางพื้นที่ของตะวันออกกลาง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาจากความเป็นไปได้ของปัจจัยดังกล่าวประมาณ 5 เท่า

ฟริเดอริกา อ็อตโต ผู้ร่วมเขียนผลการศึกษา และนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ จากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล ในลอนดอน กล่าวว่า ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมาน และเสียชีวิต เมื่ออุณหภูมิในเดือนเมษายนในเอเชียเพิ่มสูงขึ้น หากมนุษย์ยังเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไป อุณหภูมิก็จะอุ่นขึ้นต่อไป และผู้คนก็จะล้มตายต่อไปด้วยเช่นกัน

คลื่นความร้อนยังส่งผลกระทบอย่างมากกับการเกษตร ส่งผลให้พืชผลเสียหายและผลผลิตลดลง โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดทำการ และมีการขยายเวลาปิดเทอมในหลายประเทศ

สถิติความร้อนเดือนเมษายนใน เมียนมา สปป.ลาว และเวียดนาม พุ่งทำลายสถิติ ขณะที่ อินเดียมีอุณหภูมิสูงถึง 46 องศาเซลเซียส ทำให้เป็นเดือนเมษายนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ทั่วโลก และเป็นการร้อนทำลายสถิติเดือนที่ 11 ติดต่อกัน

---------------