‘เศรษฐา’ เชิญ 4 แบงก์ใหญ่หารือ ขอความร่วมมือ ‘ลดดอกเบี้ย’ หลังกำไรไตรมาส 1 พุ่งทั่วหน้า

‘เศรษฐา’ เชิญ 4 แบงก์ใหญ่หารือ ขอความร่วมมือ ‘ ลดดอกเบี้ย’ ช่วยกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มเปราะบาง หลังกำไรธนาคารไตรมาส 1 พุ่ง เผย 4 ธนาคารรับปากจะไปหารือกัน

เรียกได้ว่าเป็น 'ปีทอง' ของธนาคารจริง ๆ เพราะจากการเปิดเผยกำไรไตรมาสแรก ปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พบว่า  

ธนาคารกสิกรไทย 13,468 ล้านบาท

ธนาคารไทยพาณิชย์ 11,281 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย 11,079 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพ 10,524 ล้านบาท

ธนาคารกรุงศรี 7,543 ล้านบาท

ธนาคารทหารไทยธนชาต 5,534 ล้านบาท

ธนาคารทิสโก้ 1,733 ล้านบาท

ธนาคารเกียรตินาคิน 1,506 ล้านบาท

ธนาคาร CIMB Thai 626.1 ล้านบาท

ธนาคาร LHFG 399.2 ล้านบาท

---------------

วานนี้ 23 เม.ย. 67 เมื่อเวลา 09.00 น.ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เชิญผู้บริหารและตัวแทนธนาคารของรัฐและเอกชน เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล ประกอบด้วย

• นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย
• นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์
• น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย
• นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ
• เพื่อขอความร่วมมือเรื่องของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับผู้บริหารธนาคาร ว่า ได้พูดคุยถึงสภาพเศรษฐกิจ และปัญหาเศรษฐกิจทั่วไป รวมถึงพูดคุยว่าสถาบันการเงินมีความแข็งแกร่งมากจากผลประกอบการที่ออกมา จึงได้พูดกับผู้บริหารธนาคารว่าพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย มีปัญหาเรื่องดอกเบี้ยสูง จึงขอร้องและและพูดคุยแบบคนที่รู้จักกันมา 10 ปี 20 ปี โดยขอร้องทั้ง 4 ท่าน ว่า ขอให้พิจารณาดูแลเรื่องดอกเบี้ยบ้าง โดยทั้ง 4 คน รับปากว่าจะไปพูดคุยกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเรื่องปัญหาดอกเบี้ย จึงเชิญผู้บริหารมาตั้งแต่ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาแล้ว และได้คิวมาพร้อมกันในวันนี้ มาคุยให้พร้อมกันเพื่อความเสมอภาคเท่าเทียม ซึ่งธเรื่องนี้ไม่ใช่การแข่งขันธุรกิจหรือชิงดีชิงเด่น ว่าลดมากหรือน้อย แต่อยากให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มาดูกันว่าจะช่วยเหลือได้มากน้อยขนาดไหน ขอให้ทุกคนไปคุยกัน และน่าจะมีอะไรออกมาหลังจากนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้บริหารทั้ง4ธนาคาร ได้ให้กรอบเวลาที่จะให้คำตอบในเรื่องนี้เมื่อใด นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการให้เกียรติกัน เรารู้จักกันมา 20 ปี มองตาก็รู้ใจว่าเราต้องการอะไรจากกันและกัน ทำได้แค่ไหนคงแค่นั้น คงไม่ไปกดดันอะไร  เราต้องให้เกียรติทั้ง 4 ท่าน

เมื่อถามถึงว่า แนวโน้มการพูดคุยเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยเป็นไปด้วยดีใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี แต่อยากให้รอคอยสักนิดเพื่อให้ทั้ง4 แบงก์มีเวลา พิจารณาทั้งระบบว่าจะต้องทำอย่างไร โดยเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือ
--------------
จากกรณีธนาคารตัวแทนสมาคมธนาคารไทย 4 ธนาคาร ได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 เมษายน 2567 เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ที่ยังฟื้นตัวได้ช้า และไม่ทั่วถึง ภายใต้ปัญหาเศรษฐกิจโลกรวมทั้งข้อจำกัดเชิงระบบในประเทศ และปัญหาภาระหนี้สิน และค่าครองชีพของประชาชน

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองของสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่มีความท้าทายในหลายมิติ

รวมถึงความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือน และกลุ่มเปราะบาง รวมถึงความเป็นไปได้ที่ภาคธุรกิจการเงินจะมีแนวทางเพิ่มเติม ในการลดภาระ และบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเปราะบางในแนวทางใดบ้าง

โดยจะมีการยกประเด็นดังกล่าว และอัปเดตสถานการณ์การดูแลกลุ่มลูกหนี้โดยรวม ภายใต้มาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ และเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง

โดยจะเข้าหารือกันถึงแนวทางเพิ่มเติมที่เป็นไปได้ ในที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทย ในช่วงเย็นวันที่ 24 เมษายน 2567

สมาคมธนาคารไทย

23 เมษายน 2567

--------------

ด้าน ดร. อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า

การเรียกร้องให้แบงก์ลดดอกเบี้ยทำได้ แต่อยากให้พิจารณาถึงความเหมาะสม เพราะการแทรกแซงอาจกระทบความเชื่อมั่นของต่างชาติ และนักลงทุนได้ และถ้าลดดอกเบี้ย แบงก์อาจจำเป็นต้องอธิบายให้ผู้ถือหุ้นอย่างมาก แม้จะลดดอกเบี้ยได้ แต่จะไปกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งเกิดความเสี่ยงมากขึ้น และอาจกระทบความเชื่อมั่นได้ ความโปร่งใส

--------------

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ พาย กล่าวว่า

ดอกเบี้ยนโยบายเป็นกลไกเดียวกันทั้งโลก ไม่ควรไปแทรกแซง เพราะแบงก์มีการแข่งขันด้วย อาจไปกระทบกำไร ทำให้กำไรลดลง ควรจะทำผ่านสมาคมธนาคาร ไม่ใช่ธนาคารใดหนึ่ง และกระทบต่อหุ้นได้

------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ElrRkIfaEpE