อาชญากรรม

ล่าตัว หนุ่มเมียนมาฆ่า ‘อดีตท่านทูต’ โผล่ซื้อตั๋วหมอชิต โพสต์คลิป บ๊ายบายเมืองไทย ก่อนหนีออกนอกประเทศ

โดย nattachat_c

10 ต.ค. 2566

4.6K views

จากกรณี ตำรวจ สน.สุทธิสาร รับแจ้งว่า พบศพอดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ถูกฆ่าอำพรางในห้องน้ำชั้น 2 ภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่บ้านหรู ซ.วิภาวดี 20 กรุงเทพฯ


หลังเกิดเหตุ ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุ พบว่า ภายในบ้านของอดีตเอกอัครราชทูตไทย ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้าน จึงประสานผู้เกี่ยวข้อง เพื่อขอเซิร์ฟเวอร์นำมาตรวจสอบ


ต่อมา ฝ่ายสืบสวนช่วยกันไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบข้อมูลสำคัญจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพในวันที่ 27 ต่อเนื่อง วันที่ 28 ก.ย. 2566

พบเห็นชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ลักษณะมีปากเสียงกับอดีตเอกอัครราชทูตไทย โดยยืนบริเวณทางขึ้นบันไดชั้น 1 ที่จะขึ้นไปยังชั้น 2 ของบ้าน


จากนั้น ชายวัยรุ่นทำร้าย แล้วใช้มีดแทงอดีตเอกอัครราชทูตไทย ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้าน บันทึกภาพอดีตเอกอัครราชทูตไทย วิ่งหนีขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 แล้วชายวัยรุ่นวิ่งไล่ตามขึ้นบันได จากนั้น พบภาพชายวัยรุ่นรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน ก่อนหลบหนีไป


ต่อมา ฝ่ายสืบสวนนำโดย สน.สุทธิสาร และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้รวบรวมข้อมูล จนกระทั่งทราบว่า

ชายวัยรุ่นที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งลักษณะรูปร่างความสูง ตำหนิรูปพรรณการแต่งกาย พบข้อมูลสำคัญนำไปสู่การพิสูจน์ทราบชายวัยรุ่นนี้ ฝ่ายสืบสวนขยายผลติดตามพบว่า เคยมีพนักงานส่งอาหาร (ไรเดอร์) ของบริษัทแห่งหนึ่ง เคยมาส่งอาหารที่บ้านหลังเกิดเหตุพบเห็นชายวัยรุ่นคนนี้


อีกทั้ง ฝ่ายสืบสวน พบข้อมูลสำคัญในช่วงบ่ายของวันที่ 28 ก.ย. 2566 เวลาประมาณ 15.20 น. ภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ บันทึกภาพชายวัยรุ่นคนนี้ เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า แล้วไปที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ทยอยกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม


จากการประสานงานกับธนาคารในห้วงวันเวลาดังกล่าว ทราบว่า ชายวัยรุ่นตำหนิรูปพรรณ ตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านหลังเกิดเหตุ นำบัตรเอทีเอ็มของอดีตเอกอัครราชทูตไทย กดเงินสดออกจากบัญชีจำนวนหลายแสนบาท ฝ่ายสืบสวนเร่งขยายผลหาข้อมูลเพิ่มเติมหลายด้าน พบว่า ชายวัยรุ่นคนนี้เคยทำงานบริษัทรับเหมาก่อสร้างบ้านแห่งหนึ่ง


หัวหน้าผู้รับเหมาก่อสร้างให้ข้อมูลกับฝ่ายสืบสวนว่า เคยประกาศรับสมัครคนงานก่อสร้างทำงานกรรมกร ชายวัยรุ่นคนนี้จากประวัติแบบบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2566 ระบุชื่อชายวัยรุ่นคนนี้ คือ MR.SAI MYAT MOE สัญชาติเมียนมา เกิดวันที่ 10 เม.ย. 2547 อายุ 19 ปี โดยพ่อเป็นชาวเมียนมา แม่เป็นไทยใหญ่ ส่วนใหญ่จะอยู่กับแม่ทางภาคเหนือของประเทศไทย มาสมัครงาน จึงรับเข้ามาทำงานเดือน ส.ค.


โดย วันที่ 17 ก.ย. MR.SAI MYAT MOE ขอลางาน อ้างไปงานวันเกิดเพื่อน วันที่ 18 ก.ย. มาทำงานตามปกติ และวันที่19 ก.ย. ขอลาออก โดยอ้างว่าจะไปทำงานเป็นพ่อบ้าน ดูแลบ้าน ดูแลต้นไม้ ไปช่วยหิ้วของใช้ เวลาที่เจ้านายไปซื้อของ หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ติดต่อกับอดีตลูกจ้างคนนี้ได้อีก


ต่อมาช่วงกลางคืนของวันที่ 8 ต.ค.2566 ฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและรายงานการสืบสวนให้พนักงานสอบสวน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพิจารณาออกหมายจับ MR.SAI MYAT MOE อายุ 19 ปี ศาลอาญาพิจารณาคำร้องทั้งหมดจึงออกหมายจับที่ 3438/2566 ลงวันที่ 8 ต.ค.2566 ให้จับ MR.SAI MYAT MOE ในข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

-------------

ทีมข่าวสอบถามไปยัง 'อดีตนายจ้าง' ของผู้ต้องหา ผ่านทางโทรศัพท์ เล่าว่า

ผู้ต้องหาได้มาทำงาน ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม โดยมาเป็นช่างทาสี  ซึ่งวันที่ 17 กันยายน เป็นวันเกิดของหลาน เจ้าตัวขอลาไปงานวันเกิดของหลาน ก่อนจะกลับมาทำงานวันที่ 18 กันยายน


จากนั้น ได้ลาออกไปวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา ให้เหตุผลว่าไปทำงานเป็นพ่อบ้าน ดูแลสวน โดยบอกว่าเป็นบ้านหรูในกรุงเทพฯ แต่ตนเองไม่ทราบว่า ผู้ต้องหาไปรู้จักกับผู้เสียชีวิตได้อย่างไร


ตอนที่ทำงานกับตน ก็เป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด ซึ่งหลังจากที่ลาออกไปวันที่ 19 กันยายน ตนเองก็ไม่ได้ติดต่อกับผู้ต้องหาอีกเลย
-------------
ไทมไลน์ การขึ้นรถหลบหนีของคนร้ายก่อเหตุฆ่าอำพราง อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ถูกฆ่าอำพรางในห้องน้ำชั้น 2 ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซ.วิภาวดี 20 กรุงเทพฯ หลังก่อเหตุได้ขึ้นรถแท็กซี่หลบหนี มีดังนี้


ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดเมื่อเวลา ตี 3.20 น. พบภาพ ผู้ก่อเหตุเดินออกมาจากหมู่บ้านที่ผู้ตายอาศัยอยู่ และในมือหิ้วกระเป๋า 1 ใบ โดยลักษณะการเดินออกมาเหมือนว่าในกระเป๋ามีสิ่งของที่ค่อนข้างหนัก ซึ่งคนร้ายแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาว และสะพายกระเป๋าเป้ด้านหลัง สวมใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า


จากนั้น วงจรปิดจับภาพคนร้ายได้เดินออกมาเรียกรถแท็กซี่ ตามรายงานระบุว่า เป็นแท็กซี่คันสีเหลือง โดยเป็นจังหวะที่รถแท็กซี่มาส่งผู้โดยสารพอดี คนร้ายเลยเรียกรถแท็กซี่คันนี้ต่อเลยทันที ในช่วงเวลาประมาณตี 3.22 นาที หลบหนีไป


สำหรับแนวทางการสืบสวน พบว่า ผู้ก่อเหตุไป จ.นนทบุรี และวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี เพื่อรอเวลาการกลับไปขึ้นรถ เนื่องจากรถรอบเช้าเสีย จึงต้องขึ้นรถในรอบเย็น ซึ่งระหว่างที่อยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ผู้ก่อเหตุเปลี่ยนรถแท็กซี่หลายคัน ซึ่งในพื้นที่นี้ มีการกดเงินจำนวน 30,000 บาท


โดยก่อนจะไปยัง บขส. ผู้ก่อเหตุเดินทางจาก จ.นนทบุรี ไปที่ห้างแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เพื่อกดเงินอีกครั้งจำนวน 4,200 บาท จากนั้น ขึ้นรถแท็กซี่คันสุดท้าย สีเขียว-เหลือง ทะเบียน มฏ-8406 เพื่อไปขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิต บริษัทบุษราคัมทัวร์ 


โดยซื้อตั๋วในเวลา 16.53 น. ของวันที่ 28 ก.ย. 66 และ รถออกในเวลา 17.25 น. ซึ่งรถที่เดินทางออกจาก บสข.ของบริษัทบุษราคัมทัวร์ ทะเบียน 14-8511 กทม. เลขข้างรถ 13-0511 กรุงเทพ-น่าน 


ทั้งนี้ หลังก่อเหตุคนร้ายยังได้โพสต์คคลิปลงติ๊กต๊อก โดยเป็นคลิปโพสต์ไว้เมื่อประมาณวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ซึ่งถ่ายภาพบนรถ และเป็นภาพเส้นทางบนถนน พร้อมข้อความภาษาไทยใหญ่ ซึ่งแปลว่า “กลับแล้ว”


พร้อมอิโมจิโบกมือบายบาย และ ธงชาติไทย  ก่อนที่จะปิดบัญชีติ๊กต๊อกไป เมื่อวานนี้ (9 ต.ค. 66)
-------------

วานนี้ (9 ต.ค. 66) เวลา 14.30 น. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2  เดินทางมาที่ สน.สุทธิสาร เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีฆาตกรรมอดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ว่าชุดสืบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหา ตั้งแต่วันเกิดเหตุ


จากการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา พบว่า ได้เดินทางไป จ.เชียงราย ในวันที่ 28 กันยายน และถึง จ.เชียงราย ในวันที่ 29 กันยายน และเดินทางออกนอกประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ในเวลา 07.12 น.


โดยไทม์ไลน์ของผู้ก่อเหตุ พบว่า เดินทางไปที่บ้านพักของผู้เสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน และพบว่า ทั้ง 2 คน ได้ออกจากบ้านช่วงเย็นวันเดียวกัน และกลับมาที่บ้านช่วงค่ำ แต่วันเกิดเหตุวันที่ 27 กันยายน ทั้ง 2 คน กลับมาที่บ้านประมาณ 3 ทุ่ม เชื่อว่าอาจมีปากเสียงทะเลาะกัน


หลังก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้เดินออกจากบ้าน และไปขึ้นแท็กซี่หน้าหมู่บ้าน ในเวลาประมาณ 3.22 นาที ของเช้ามืดวันที่ 28 กันยายน และจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้เสียชีวิต พบว่า ผู้ก่อเหตุได้ใช้ iPad ของผู้ตายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารบุคคลอื่น จำนวน 22,000 บาท


ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า โอนเข้าบัญชีใคร และมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และจากการเอามือถือไปสแกนกดเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มอีก 2 ครััง จำนวน 34,200 บาท


เบื้องต้นเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุลงมือเพียงคนเดียว และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนความสัมพันธ์ของผู้ตายกับผู้ก่อเหตุ จะเกี่ยวข้องกันอย่างไร อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะก่อนหน้านี้ ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่เพียงคนเดียว


ส่วนทรัพย์สินของผู้ตาย นอกเหนือจากโทรศัพท์มือถือและ iPad เชื่อว่า ยังมีทรัพย์สินอื่น ๆ ของผู้ตายที่หายไปอีก แต่ขอตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะที่บ้านมีร่องรอยการถูกรื้อคน


ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำว่า ให้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร่งด่วน เพราะผู้เสียชีวิตเป็นข้าราชการระดับสูง ซึ่งหลังจากนี้ จะประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองออกหมายจับสากล และส่งไปประเทศต้นทาง เพื่อประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดี


ขณะที่ พนักงานสอบสวนได้นำวัตถุพยานต่าง ๆ ที่ตรวจยึดมาได้จากภายในบ้านหลังที่พบศพ ทั้งกล่องลังกระดาษที่ใช้ในการอำพรางศพ // มีดทำครัวเปื้อนเลือด 2 เล่ม และพยานหลักฐานแวดล้อมอื่น ๆ ไปส่งมอบให้กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้ง DNA และลายนิ้วมือแฝง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับผู้ก่อเหตุ

-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/CWMnY7dCGK8



คุณอาจสนใจ

Related News