อาชญากรรม

'ชูวิทย์' แฉ 'หลินหลง' คู่หู 'ตู้ห่าว' ใส่ชุดทหารพันเอก - 'บิ๊กโจ๊ก' นำทีมลุย 9 จังหวัด ยึดทรัพย์ 4 พันล้าน

โดย nattachat_c

1 ธ.ค. 2565

91 views

วานนี้ (30 พ.ย. 65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า จีนเทาเหิมเกริม “หลิน หลง” คือนามเรียกขานชายจีนเทาคนนี้ที่กล้าใส่ชุดทหารบกยศพันเอก หลอกคนจีนด้วยกันที่มาประเทศไทยว่า ใช้เงินซื้อทุกอย่างได้หมด ประวัติ ทำบ่อนคนจีน ขายยา บ้านใหญ่โตหรูหราคู่กับนายตู้ห่าว


ปัจจุบันนี้หนีออกจากไทยไปแล้ว เพราะ “ความชักช้าโอ้เอ้” ของหน่วยงานรัฐ ที่ทำตัวไม่ประสีประสาจนตัวใหญ่หนีหมด เหลือเพียงพวกลิ่วล้อเอาไว้เฝ้าบ้าน ที่แต่ละหลังจ่ายสดหลังละ 100 ล้าน หรือคอนโดยกชั้น แต่ไม่ใช่ชั้นเดียว สามสี่ชั้นจีนกวาดหมด


ตำรวจเพิ่งบุกบ้าน หลิน หลง ไป ข้อมูลอยู่ในแฟ้ม “ทะลวงจีนเทา” ของผม โดยพันไปถึงหลายหน่วยงานรัฐที่อ่อนแอ ปวกเปียก ทำงานอืดเป็นเรือเกลือ จนทำให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางจีนเทา” ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อดึงทุนจีนมาฟอกในไทย ด้วยการฝ่าฝืนกฎหมายทุกรูปแบบทั้ง ผับจีน บ่อนจีน ยาเสพติดจีน รวมทั้งการเปิดช่องให้ทำมาหากินที่ผิดกฎหมายหลายรูปแบบ


ใช้ไทยเป็นฐานปฎิบัติการ “จีนหลอกจีน” โดยอ้างสถาบันที่คนไทยนับถือ มาหลอกล่อให้เห็น “พาวเวอร์” ว่าใครใคร่ค้า ใครใคร่ขาย ได้ทุกอย่าง หากมีเงินเคลียร์ได้หมด


ความร้ายกาจที่ผมแสดงให้ดูเป็นเพียง “น้ำจิ้ม” งานนี้ผมขอแฉเพื่อ “ล้มกระดานทุนจีนสีเทา“ ว่าทำอย่างไร ไทยจึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางได้แบบนี้? งานแฉสุดคลาสสิคนี้ข้อมูลเบื้องลึกมีมาก จึงขอชี้แจงแถลงไขในวาระต่อไป


เรียกยุทธการนี้ว่า “ทะลวงจีนเทา ถอนรากตัดโคน”

--------------
วานนี้ (30 พ.ย. 65) พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในกรุงเทพมหานคร // ภูเก็ต // สมุทรปราการ //ชลบุรี // ประจวบคีรีขันธ์ // นครศรีธรรมราช // ปทุมธานี// และพระนครศรีอยุธยา ส่วนอีก 1 จุดยังไม่เปิดเผย หลังพบหลักฐานเชื่อมโยงทุนธุรกิจสีเทา


จังหวัดสมุทรปราการ

บ้านตู้ห่าว บางแก้ว // ดีวาลักซ์รีสอร์ต (ให้คนจีนที่บินมา ได้พัก เพราะอยู่ใกล้สนามบิน) // โมเดิร์นเจม (ห้าง 80 ไร่) ขายสินค้าต่างๆ แต่ไม่พบสินค้า เหลือแต่ตู้โชว์ 


นางยุพิน ผู้ดูแล ได้ให้การว่า โควิดระบาดหนัก บริษัทเลยปิดตัว พนักงาน 300 คนตกงาน เหลือแต่ตนเอง และคนงานที่ดูแล ซึ่ง 70% เป็น นนท.คนจีน 

--------------

ภูเก็ต

เมื่อช่วงสายวานนี้ (30 พ.ย. 65) เจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กองปราบปราม ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ได้สนธิกำลังกว่า 100 นายนำหมายค้นเข้าตรวจค้นและอายัดทรัพย์สินเครือข่าย "ตู้ห่าว" จำนวน 8 เป้าหมาย


เช่น บริษัท โรยัล ปาร์ค ภูเก็ต จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 4 ต.วิชิต อ.เมือง ซึ่งเป็นสวนงูและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงู และที่โมเดิร์น เจมส์ ภูเก็ต ซึ่งเป็นโชว์รูมจิวเวอรี่ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.วิชิต อ.เมืองเช่นเดียวกัน โดยมีการยึดและอายัดทรัพย์จำนวนหนึ่งไว้ตรวจสอบ


ทั้งนี้ แต่ละสถานที่ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจะมีทั้งโชว์รูมจิวเวอรี่ โชว์รูมจำหน่ายยางพาราสำเร็จรูป สถานที่โชว์งู-ขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงู เป็นต้น โดยแต่ละสถานที่นั้นใหญ่โตมโหฬาร มีเนื้อที่นับสิบไร่ ตัวอาคารสร้างอย่างสวยงาม มูลค่านับร้อยล้านบาท ส่วนรายละเอียดทรัพย์สินที่ได้ตรวจยึดและอายัดแต่ละสถานที่นั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

--------------

เมื่อวานนี้ (30 พ.ย. 65) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะ พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เดินทางมายังท่าอากาศยานหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ นายตู้ห่าว เครือข่ายทุนจีน  โดยหลังจากที่ ป.ป.ส มีคำสั่งยึดอายัดเครื่องบิน มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ของนายตู้ห่าว ซึ่งจอดอยู่ที่ สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา 

ภายหลังจากที่ ป.ป.ส.ตรวจสอบข้อมูล จนพบหลักฐานสำคัญ เป็นข้อมูลในเอกสารซึ่งปรากฏชื่อ นายตู้ห่าว เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งซื้อขายเครื่องบินลำดังกล่าวในนามชื่อบริษัทฯด้วย จึงถือว่าเป็นทรัพย์สินผู้ต้องหา ป.ป.ส.จึงดำเนินการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน


นอกจากนั้นยังมีรายงานด้วยว่า ป.ป.ส.ยังได้ยึดอายัดทรัพย์สินอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหลายรายการ ทั้งบัญชีเงินฝาก และเอกสารที่ดินอีกหลายสิบแปลง รวมมูลค่าทรัพย์สิน ที่ยึดอายัดกว่า 400 ล้านบาท


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ขยายผลพบความเชื่อมโยงระหว่างตู้ห่าวกับเครื่องบินลำดังกล่วา จึงต้องยึดไว้ตรวจสอบ โดยทางป.ป.ส.ได้มีหนังสือคำสั่งยึดไว้ตามอำนาจ โดยจะมีการตรวจหาดีเอ็นเอ ใช้สุนัขดมกลิ่นหายาเสพติด และดูว่าใครนั่งเครื่องลำดังกล่าวบ้าง ในเรื่องของการสืบสวนของทางพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ดำเนินการไปไกลแล้ว ซึ่งการตรวจสอบและนำผลตรวจซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบในสำนวนเพื่อให้ได้ความถูกต้องรัดกุม


วันนี้ (30 พ.ย.) ได้ยึดทรัพย์ตู้ห่าวกว่า 4 พันล้าน รวมที่ยึดไปก่อนหน้านี้ก็ 5 พันล้านบาท โดยพบเครือข่ายนอร์มินีมากมาย มีการตรวจค้นบ้านและบริษัทที่ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ มีรถกว่าร้อยคันด้วย


ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.เผยว่า ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ทำงานล่าช้า แต่ทุกอย่างมีขั้นตอน ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ในการไปขอหมายศาล เราจะทำต่อเนื่องไม่ได้หยุด ส่วนที่หลายฝ่ายบอกว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองไหม ส่วนตัวยืนยันว่าการเมืองมาครอบงำการทำงานไม่ได้ ถ้าหากเป็นเรื่องการเมืองเกี่ยวข้องถึงใครก็ว่าไปตามพยานหลักฐาน ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ ไม่มีมวยล้มแน่นอน

-------------

วานนี้ (30 พ.ย. 65) พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในกรุงเทพมหานคร // ภูเก็ต // สมุทรปราการ //ชลบุรี // ประจวบคีรีขันธ์ // นครศรีธรรมราช // ปทุมธานี// และพระนครศรีอยุธยา ส่วนอีก 1 จุดยังไม่เปิดเผย หลังพบหลักฐานเชื่อมโยงทุนธุรกิจสีเทา


1 ในจุดสำคัญที่เข้าค้น คือ บริษัท 3 แห่งย่านห้วยขวาง ของ นาย เฉิน เจ้าฮุ้ย หรือ โทนี่ 1 ใน 5 กลุ่มทุนจีนสีเทา ที่โดนตำรวจออกหมายจับ ในความผิดฐาน ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว


ซึ่งตำรวจมีข้อมูลว่า ผับ สเปซ พลัส คลับ เมเนจเม้นท์ ประเทศไทย จำกัด มีนาย ณัฐสณฑ์ (นัด-ทะ-สน) หุตะเสวี หรือน้อย เป็นผู้บริหารโดยมีนายโทนี่เป็นหุ้นส่วนและเป็นผู้รวบรวมเงินทุนจากคนจีน เข้ามาลงทุนในผับ สเปซ พลัส กว่าร้อยล้านบาท โดยตำรวจได้ดำเนินคดีกับนาย ณัฐสณฑ์ ฐานเป็นนอมินีด้วย


หลังจากนี้เตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง โดยคาดว่าอีก 3 สัปดาห์จะสรุปคดีนี้ได้ ทั้งคดีสมคบคิด ยาเสพติด และการดำเนินธุรกิจแบบนอมินี โดยหลบเลี่ยงภาษีสรรพสามิต


สำหรับนายโทนี่ ถือเป็น 1 ใน 5 กลุ่มคนจีนสีเทา ที่นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้าให้ข้อมูลกับพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ให้ดำเนินคดี โดยตำรวจจับเครือข่ายธุรกิจสีเทาไปแล้ว 3 เครือข่ายก่อนหน้านี้ โดยเหลือแค่ กลุ่มของนายโทนี่ ที่ถูกจับวันนี้ และนายหมิง ที่หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว


ส่วนที่จังหวัดสมุทรปราการ เป็นบริษัทที่มีรายชื่อเป็นผู้ครอบครองเครื่องบินส่วนตัว รวมทั้งรถทัวร์ให้บริการนักท่องเที่ยวกว่า 80 คัน ไม่รวมโรงแรมที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท แต่กลับมีมูลค่าการก่อสร้างหลายร้อยล้านบาทและในช่วงบ่ายวานนี้ (30 พ.ย.) พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. / ปปง. และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ไปยึดเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งจอดอยู่ที่สนามบินบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยจะตรวจเก็บดีเอ็นเอ เพื่อหาสารเสพติดและเอกสารที่อยู่ภายในเครื่องบิน


และในวันนี้ (1 ธ.ค.) พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะแถลงรายละเอียดการตรวจค้นเครือข่ายธุรกิจทุนสีเทา เวลา 11 โมง

-------------

เมื่อวานนี้ (30 พ.ย. 65) พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายเครือข่ายนายทุนจีนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของนายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว โดยแกะรอยมาจากรถยนต์ที่ตรวจยึดได้ หลังตำรวจนำกำลังเข้าตรวจสอบสถานบันเทิงจินหลิน ย่านยานนาวา


ซึ่งตำรวจพบว่า รถยนต์คันหนึ่งที่ยึดได้ในคดีนั้น ขับเข้า-ออก และจอดในหมู่บ้านย่านลาซาล ตำรวจจึงเข้าไปตรวจค้น และพบว่าเป็นเครือข่ายของนายทุนจีน ตำรวจยังพบ ทรัพย์สิน อีกหลายรายการ ที่ต้องอายัดไว้ตรวจสอบ


ดังนั้น ผู้มีรายชื่อครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดต้องนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจง การได้มาของทรัพย์เนื่องจากการตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน ตำรวจพบว่า ธุรกรรม ทางการเงินหมุนเวียนมากหลักหลายร้อยล้านบาท ซึ่งถือว่า ผิดปกติ จะเตรียมขยายผลรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นนอมินีครอบครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติ

-------------

เมื่อวานนี้ (30 พ.ย. 65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ทุนจีนเทาและนอมินี โดยมีรายละเอียด ดังนี้ การทำงานของบรรดา “มาเฟียจีน” ต้องมี “นอมินี” เป็นตัวแทนออกหน้าเสมอ


นายตู้ห่าว มี นางพัชรินทร์, นายโทนี่ มี นายน้อย, นายหลิน หลง ใช้เครื่องแบบทหารอวดอ้างเบื้องสูง ร่วมสมาคมเถื่อนถ่ายรูปกับบรรดาข้าราชการหน่วยงานรัฐ ทั้งหมดใช้วิธีการหลายรูปแบบที่ผิดกฎหมาย หลอกลวงคนจีนด้วยกัน โดยใช้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลาง”


พวกจีนเทาเหล่านี้จะไม่สามรถทำได้ หากประเทศนั้นมีระบบราชการที่เข้มแข็ง จ่าย เคลียร์ คอรัปชั่นไม่ได้ เช่น สิงคโปร์ พวกนี้ไม่กล้าแหยมเข้าไป แต่เขมร พม่า ลาว ไทย จีนเทาจะออกอาละวาด ตั้งแก๊งพนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ บ่อนการพนัน ผับบาร์ ไปจนถึงยาเสพติด


เมื่อได้เงินมาก็ฟอก ตำรวจไปจับขยายผลพบบ้านหรูหลังละ 50 ล้าน ถึงหลายร้อยล้าน ซื้อกันยกหมู่บ้าน หรือซื้อคอนโดหรูยกชั้นด้วยเงินสด คนไทยเลยกลายเป็นชนส่วนน้อยในชุมชน เงินจีนเทาผ่านกระบวนการฟอกเงิน เช่น นายตู้ห่าวมีที่ดินเป็นร้อยแปลงทั้งกรุงเทพฯ ภูเก็ต ขยายกิจการใหญ่โตด้วยการช่วยเหลือของตำรวจใหญ่ในอดีต ชื่อย่อ ป. และ ฉ. ทั้งสมยอมเต็มใจ เพราะอยู่ในไหใบเดียวกัน บ้างก็ได้หุ้นลม บ้างก็ได้ส่วนแบ่ง


หรือจีนเทาบางกลุ่มใช้วิธีการ “เช่า” นอมินีตัวแทน ผ่านการช่วยเหลือของสำนักงานกฎหมายบางแห่ง ที่หากินกับคนจีนโดยเฉพาะ โดยมีอัตราตามนี้

1. ค่าจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนในประเทศไทย 35,000 บาท

2. ค่าธรรมเนียมของรัฐ 6,500 บาท

3. ค่าร่างและจดทะเบียนข้อบังคับบริษัท 15,000 บาท

4. ค่าดำเนินการโอนหุ้นลอย (ให้นอมินีไทยโอนหุ้นลอยไว้ กันหนี) 15,000 บาท

5. “ค่าเช่านอมินี” 40,000 บาท/คน/ปี

อัตราเหล่านี้ไม่ได้ยกเมฆ ดูเอกสารภาษาจีนในคอมเม้นต์


เรื่องของจีนเทา และหลักฐาน จะแถลงข่าวภายในอาทิตย์นี้ เพื่อ “อัพเดท” ให้สังคมทราบ ว่าหน่วยงานรัฐไหน “แกล้งหลับหูหลับตา” ลักหลับช่วยเหลือ รับผลประโยชน์ พรุ่งนี้จะนำเอกสาร “เส้นทางการเงิน” ที่ชัดที่สุดของตู้ห่าว เพิ่งดึงข้อมูลการเงินมาจากระบบ “คลาวด์” สดๆ ร้อนๆ ขอส่งให้ ผบ.ตร. และรองทั้งสอง


คงไม่แกล้ง งง ทำตัวพะว้าพะวังคิดกังขาเหมือน ป.ป.ส. หลังจากผมเปิดเผยเรื่อง “ที่ปรึกษา” พัวพันกันเหนียวแน่นเหมือนไข่ลูกเขย


กระทรวงยุติธรรมของท่านรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน มีเรื่องทะแม่งๆ ของหน่วยงาน ป.ป.ส. ที่ทำท่าขึงขังตอนไปตรวจเครื่องบิน แต่แปะกระดาษไว้แค่ 3 แผ่น ต้องให้รอง ผบ.ตร. ทั้งสองไปตรวจซ้ำอีก

พูดจริงๆ ผมหวั่นใจ กลัวเสียของครับท่านรัฐมนตรี
-------------

ด้านพลตำรวจตรีอาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการดำเนินคดีที่มีเครือข่ายบุคคลต่างชาติลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ตั้งแต่ 1 ตุลาคม​ที่ผ่านมา


สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองบุคคลต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทย และมีการตรวจสอบจัดระเบียบบุคคลต่างชาติ โดยไม่ให้เข้ามาในราชอาณาจักรจำนวน 3,395 คน / ดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมือง 2,005 คน และดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากฎหมายกำหนดอีก 1,073 คน


นอกจากนี้ ตำรวจยังดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติจำนวน 207 คน ที่พบว่าทำความผิดกฎหมายอาญาอื่นๆ เช่น การทำธุรกิจ​ผิดกฎหมาย หรือเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์​ เป็นต้น


ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังเข้าตรวจสอบมูลนิธิฯ กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ และตรวจสอบบุคคลต่างชาติจำนวนกว่า 1,800 คน โดยเสนอเรื่องให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ปิดมูลนิธิฯ จำนวน 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เนื่องจากพบว่า มูลนิธิเหล่านี้จัดตั้งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการทำจิตอาสาและการศึกษา แต่มีบุคคลต่างชาติ เช่น คนจีน ใช้ช่องว่างทางกฎหมายขอหนังสือเดินทางนักศึกษา เข้ามาในนามของมูลนิธิ แต่ไม่ได้มีการเข้ามาเรียนจริง จึงเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการจังหวัดนั้นๆ ปิดมูลนิธิดังกล่าวแล้ว


ทั้งนี้ มีรายงานว่า 3 มูลนิธิฯ ที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เสนอสั่งปิดนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนธุรกิจสถานบันเทิงในพัทยาจังหวัดชลบุรี และสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งในประเด็นนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชิญนายตำรวจ สังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 4 พื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ / อุดรธานี / แพร่และน่าน มาให้ข้อมูลกับคณะทำงานฯ เนื่องจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงเอกสารให้นายทุนจีน ที่ทำเรื่องขอเข้ามาเรียนหนังสือในประเทศ

-------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/VjcIaN5vZYE

คุณอาจสนใจ

Related News