พ่อและแม่ของวัยรุ่นชายอายุ 16 ปี ไปร้องเรียนกระทรวงยุติธรรมว่าลูกชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ โดยมีพยานเห็นกับตาว่ารถสองแถวขับทับศรีษะเสียชีวิต แต่ตำรวจสรุปสำนวนคดีว่าไม่มีคู่กรณี จึงร้องความเป็นธรรม

ในพื้นที่จังหวัดนครพนม พบพยานของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งยืนยันเห็นผู้ตายถูกล้อหลังของรถสองแถวทับ และอีกฝ่ายยืนยันว่าผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ ยกล้อแล้วเสียหลักพลิกล้มเอง ขณะที่ผลตรวจของแพทย์นิติเวช จากโรงพยาบาล 4 แห่ง ก็ไม่ตรงกันทั้งหมด

พ่อและแม่ของวัยรุ่นชายวัย 16 ปี ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันอังคารที่แล้ว เพื่อให้ตรวจสอบเหตุว่าใดคดีที่ลูกชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่อำเภอเมืองนครพนม จึงไม่มีคู่กรณีที่จะรับผิดชอบ และพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีโดยไม่มีคู่กรณี โดยครอบครัวอ้างถึงพยาน 2 คน และผลชันสูตรของแพทย์ว่า รถสองแถวทับศรีษะลูกชายจนเสียชีวิต

จุดเกิดเหตุใกล้สามแยกบ้านนามูนฮิ้น พบพยาน คนแรก ทำงานที่ปั้มน้ำมันใกล้จุดเกิดเหตุ -เธอยอมรับว่าไม่เห็นจังหวะว่ารถจักรยานยนต์ถูกรถสองแถวทับศรีหรือไม่ แต่ได้ยินเสียงรถครูถนน หลังจากนั้นคนขับรถสองแถวก็จอดรถมาดูและคุยโทรศัพท์กับภรรยาทำนองว่า เขาขับรถชนคนตาย และไม่นานคนขับรถสองแถวก็ขับรถหนีไป

พยานคนที่สอง อ้างว่าขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังผู้ตาย เห็นผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ กำลังจะแซงรถสามล้อ แล้วรถสองแถวก็เบียดแซงขึ้นมาเลนส์ขวา ทำให้รถผู้ตายเสียหลัก ล้ม พยานระบุว่าเขาเห็นกับตาว่าล้อหลังซ้ายทับศรีษะ โดยเขาฝากเบอร์โทรศัพท์ให้คนในปั้มไว้ หากญาติต้องการพยาน เพราะเขาต้องรีบไปทำงาน

คดีนี้เกิดขึ้นในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม ซึ่งพนักงานสอบสวนส่งสำนวนถึงอัยการแล้วสรุปว่าคดีไม่มีคู่กรณี โดยอ้างอิงว่าตรวจสอบล้อรถสองแถวไม่มีรอยคราบเลือด

และวันเกิดเหตุก็มีผู้โทรแจ้ง 191 ยืนยันเห็นผู้ตายขี่รถล้มเอง ชายคนนี้คือผู้โทรแจ้ง 191 ในวันเกิดเหตุ เขายืนยันว่าเห็นผู้ขี่ตายขี่รถยกล้อหน้าก่อนพลิกคว่ำกระแทกพื้น โดยไม่มีคู่กรณี

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ระบุว่าพนักงานสอบสวนลงความเห็นว่าคดีนี้ไม่มีคู่กรณี เพราะทั้งตรวจหลักฐานและชั่งน้ำหนักพยานแล้ว ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะบ่งชี้ว่าใครเป็นคู่กรณี โดยเฉพาะคำให้การพยานที่อ้างว่าเห็นรถสองแถวทับศรีษะนั้น ไม่สอดคล้องกับสภาพจริง

ส่วนผลนิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ ที่ผ่าศพก็ไม่ชี้ว่าถูกรถทับ สอดคล้องกับรพ.นครพนม และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีเพียงผลตรวจของนิติเวช รพ.ตำรวจที่ให้ความเห็นว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่เด็กจะถูกทับรถศรีษะ แต่พนักงานสอบสวนก็ยึดตามความเห็นของแพทย์นิติเวช ที่ผ่าศพพิสูจน์

พบว่าคดีนี้มีพยาน 2ฝ่ายที่เห็นตรงข้ามกันอย่างชัดเจน ขณะที่ผลชันสูตรของแพทย์ มี 3 แห่งชี้ไปในแนวทางว่า ไม่น่าใช่การถูกล้อรถทับ และมี 1 แห่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถูกล้อรถทับ แต่ที่สุดแล้วพนักงานสอบสวนลงความเห็นว่าผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ล้มเองจึงไม่มีผู้ใดถูกดำเนินคดี

หลังจากเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมรับเรื่องไว้ ก็ยืนยันว่าจะประสานสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบให้ละเอียด และไม่ปิดโอกาสที่ครอบครัวผู้ตาย จะฟ้องได้เอง หากมีหลักฐานว่าผู้ใดเกี่ยวข้องกับการทำบุตรชาย เสียชีวิต