กลุ่มบิ๊กไบค์รวมตัว ร้องขอความเป็นธรรม ลูกเสียชีวิตหลังคลอดคาโรงพยาบาล ไร้การชี้แจง

สังคม

กลุ่มบิ๊กไบค์รวมตัว ร้องขอความเป็นธรรม ลูกเสียชีวิตหลังคลอดคาโรงพยาบาล ไร้การชี้แจง

โดย panisa_p

25 ต.ค. 2564

624 views

ไบค์เกอร์หนุ่มวัย 40 ปี พร้อมกลุ่มคนขับรถบิ๊กไบค์ รวมตัวติดป้ายเรียกร้องให้โรงพยาบาลออกมารับผิดชอบ หลังพาภรรยาไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ก่อนที่เด็กจะคลอดออกมามีชีวิตได้เพียง 2 ชั่วโมงและเสียชีวิต โดยไร้การชี้แจงจากแพทย์เด็กที่ดูแล ทั้ง ๆ ที่แพทย์ทำคลอด ยืนยันการคลอดไม่มีสิ่งผิดปกติทั้งแม่และลูกแข็งแรงดี


นายปรีชา พร้อมด้วย นางสาวนฤดี เคลื่อนขบวนรถบิ๊กไบค์มากกว่า 10 คัน พร้อมกับรถเก๋งอีกกว่า 10 คัน โดยนางสาวนฤดี ที่สูญเสีย ยืนถือภาพลูกที่คลอดมาลืมตาดูโลกได้แค่ 2 ชั่วโมง ขึ้นผ่านช่องหลังคาของรถเก๋งคันแรกที่นำขบวน แห่ไปยังบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และถนนพหลโยธินย่านสนามเป้าบริเวณหน้าโรงพยาบาลดังกล่าว เพื่ออยากแสดงพลังและเจตนาที่ต้องการให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกชายตนเอง และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น




ซึ่งรถบิ๊กไบค์และรถเก๋งทุกคัน ที่ร่วมกันแห่ขบวนเรียกร้องความเป็นธรรม ได้ติดป้ายข้อความ เรียกร้องให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจง เช่น เด็กตายที่โรงพยาบาล แต่อ้างว่าไม่มีกล้องวงจรปิด ก่อนการเริ่มขบวน มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน


โดย นายปรีชา ระบุว่า ส่วนตัวตนเองและภรรยารอลูกคนนี้มา 9 ปี จนตั้งครรภ์ ลูกคนนี้ก็ดีใจ และดูแลกันมาอย่างดี มีการฝากครรภ์ที่คลีนิกแห่งหนึ่งที่ได้รับมาตรฐาน และแพทย์ที่ฝากครรภ์ก็เป็นแพทย์ทำคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ซึ่งตนเองดูแล้วว่าน่าเชื่อถือ เพราะโรงพยาบาลมีชื่อเสียง


ซึ่งมีการกำหนดคลิดในช่วงกลางเดือนกรกฏาคม ถึงต้นเดือนสิงหาคม จนมาเมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม ภรรยาเจ็บท้องคลอด ตนจึงพามาที่โรงพยาบาล ก่อนที่ในช่วงเที่ยง ๆ จะมีการเริ่มขั้นตอนคลอด ตามวิธีธรรมชาติ ซึ่งขณะคลอด ภรรยาก็ได้ยินเสียงลูกร้องตามปกติ และเมื่อลูกคลอดเรียบร้อย ตนเองก็เดินตามแพทย์มาที่ห้องดูแลทารกแรกคลอด ซึ่งก็ยังเห็นลูกดิ้นตามปกติ




ก่อนที่แพทย์เด็กที่มารับช่วงต่อจากแพทย์ทำคลอด จะมาปิดกั้นผ้าม่านทำให้มองไม่เห็น ก่อนจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วเดินออกมาแจ้งตนว่าลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งเมื่อตนเองพยายามสอบถามสาเหตุก็ไม่ได้คำตอบ บอกแต่เพียงว่า ลูกชายตนเองอยู่ในอาการวิกฤตตั้งแต่แรก และเสียชีวิตแล้ว หากไม่เชื่อให้เดินไปเอามือจับหน้าอกดูว่าลูกยังหัวใจเต้นหรือไม่


ภายหลังรู้เรื่องทั้งหมดก็พยายามขอคำอธิบายจากโรงพยาบาลและแพทย์ ที่รับช่วงต่อดูแลทารกแรกเกิดตลอด แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ และตนเองยังได้สอบถามแพทย์ที่ทำคลอด ก็ทราบว่าลูกตนเองปกติดีทุกอย่าง ไม่มีสัญญาณที่จะมีการผิดปกติ และการคลอดก็เป็นไปตามปกติดี ไม่มีอันตรายใดใด ซึ่งขณะที่ตนเองแจ้งให้แพทย์ผู้ทำคลอดทราบ แพทย์ผู้ทำคลอดเองก็ยังตกใจ และยืนยันว่าเด็กปกติดีทุกอย่าง




ตนเองจึงพยายามเดินเรื่องต่อ เพื่อสอบถามสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกชาย จึงมีการส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และรอผลซึ่งระหว่างรอผลตลอดระยะเวลาสองถึงสามเดือนที่ผ่านมาก็มีการเข้าพูดคุยเจรจากับทางโรงพยาบาลและแพทย์ผู้ทำหน้าที่รับช่วงต่อจากแพทย์ผู้ทำคลอดแต่ทุกการเจรจาไม่เคยได้รับคำตอบหรือการชี้แจงถึงสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง


ยังรวมถึงประเด็นที่ ในใบอธิบายการตายของทางโรงพยาบาล มีการระบุว่าปอดทะลุและหน้าอกมีรอยเจาะจากการใช้เข็มฉีดยาอะดรีนาลีน โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนการพยายามยื้อชีวิต ที่ระบุว่ามีจำนวน 6 รู แต่ในข้อเท็จจริง มีถึง 10 รู และเมื่อถามว่าเหตุใดถึงต้องมีการใช้อะดรีนาลีนฉีดเข้าบริเวณหน้าอก ทางโรงพยาบาลก็ตอบเพียงว่าเด็กอยู่ในอาการวิกฤตต้องช่วยชีวิต


ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลยังมีการพยายามเสนอเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อยุติเรื่องทั้งหมด แต่ตนเองและครอบครัวไม่ยอม ในวันนี้มีการนัดกับเพื่อนและครอบครัวว่าจะมีการนำผลชันสูตร ที่ได้จากทางโรงพยาบาลรามาธิบดีมายื่นให้กับทางพนักงานสอบสวน สน. พญาไท เพื่อใช้ในการรวบรวมหลักฐาน ดำเนินการเอาผิดกับทางแพทย์และโรงพยาบาล




โดยก่อนจะ ไปที่ สน. พญาไท จะมีการแห่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและบริเวณยูเทิร์นหน้าโรงพยาบาลก่อน ทั้งนี้ตนเองยืนยันว่าจะดำเนินการเอาเรื่องผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด แม้ว่าการออกมาร้องเรียนในครั้งนี้จะไม่ได้รับเงินเลยสักบาทก็ตาม เพราะหลักฐานตามเอกสารทั้งหมดมีการย้อนแย้งและไม่สอดคล้องกัน


ขณะที่นางสาวนฤดี ระบุว่า ตนเองรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชาย เพราะรอคอยมานาน ตนเองยืนยันว่าเมื่อเด็กคลอด ตนเองยังได้ยินเสียงลูกร้องเสียงดังตามปกติ แต่แพทย์ได้นำตัวเด็กออกไปจากห้องคลอด โดยไม่ยอมให้ตนเองได้เห็นหน้าลูกชาย ก่อนที่ในเวลาต่อมาสามีจะลงมาแจ้งว่าลูกชายเสียชีวิต ซึ่งขนาดนั้นยอมรับว่าตกใจมาก เพราะไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเสียชีวิต เพราะตนเองยังได้ยินเสียงร้องตามปกติเหมือนเด็กทั่วไป ไม่ได้มีสัญญา ความผิดปกติใดใด

คุณอาจสนใจ

Related News