นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรมทั่วประเทศกว่า 300 รายเพื่อรับฟังเงื่อนไขการเปิดประเทศร่วมกัน 1 พ.ย.นี้

โดยจะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 Test & Go เป็นกลุ่มประเทศที่อยู่ในรายชื่อที่รัฐบาลกำหนด 46 ประเทศ ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ต้องได้รับการตรวจทุกคน มีผลตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมง /เอกสารยืนยันที่พักและชำระค่าตรวจ RT-PCR เช่น Sha Plus มีการทำประกันภัย วงเงินคุ้มครอง 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ

ระยะที่ 2 Living In The Blue Zone เดินทางเข้าพื้นที่ 17 จังหวัด เป็นคนไทยและต่างชาติ ที่เดินทางมาจากทุกประเทศ แต่ต้องเข้าเกณฑ์เดียวกันเหมือนแซนบ๊อก และต้องพำนักในพื้นที่สีฟ้าอย่างน้อย 7 คืน

และระยะที่ 3 Happy quarantine คือรับทุกประเทศ กรณีที่ฉีดวัคซีนไม่ครบโดส หรือ ครบโดสแต่ไม่ครบ14 วัน ต้องพำนักในโรงงานโรงแรม AQ 7 วัน แต่หากเดินทางทางอากาศ น้ำ บก ต้องพำนักในโรงแรมAQ 10-14 วัน

เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงไทยจะต้องได้รับการตรวจ RT-PCR ที่ได้ชำระกับโรงแรมที่พัก และนักท่องเที่ยวจะได้ชุด ATK อีก 1 ชุดให้นักท่องเที่ยว เพื่อจะต้องตรวจวันที่ 6-7 หลังจากเข้าพำนักในไทย

โดยยืนยันว่า ค่าใช้จ่ายจากการตรวจ RT-PCR นักท่องเที่ยวจะชำระผ่านโรงแรม รวมในค่าแพคเกจห้องพัก 1 คืน โดยอัตราค่าตรวจจะคิดราคาเดียวทั่วประเทศ คือ 2,000 บาท พร้อมชุดตรวจ ATK จะเป็นราคาเดียวทั่วประเทศ ที่จะประกาศใช้วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

ส่วนลิสต์ประเทศ 46 ประเทศ ขอให้ภาคเอกชนไม่ต้องกังวลหากไม่ใช่กลุ่มประเทศเป้าหมายของธุรกิจ เพราะททท. จะปรับทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 จากประเทศต้นทาง หากมีการติดเชื้อสูงหรือเสี่ยงก็อาจจะไม่เปิดให้เข้าประเทศ

ด้านนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย ระบุว่า เข้าใจใน เงื่อนไขของ ททท. เพราะไม่อยากให้กลับมาปิดธุรกิจ และขณะนี้มียอดจองโรงแรมล่วงหน้าโรงแรมเข้ามาแล้วช่วงธันวาคม ส่วนใหญ่มาจากยุโรป ระยะเวลาพำนักในไทยราว 2 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มรัสเซีย อินเดีย คาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นและเปิดรับได้ช่วงปีหน้า