ข่าวโซเชียล

บุญครั้งใหญ่ สานต่อลมหายใจอีก 5 ชีวิต หนุ่มถูกไฟช็อตบริจาคอวัยวะ

โดย kanyapak_w

1 เม.ย. 2565

632 views

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ชื่นชมผู้เสียชีวิต และญาติ ของว่าที่ ร.ต.ศุภลักษณ์ โนพี อายุ 32 ปี เสียชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อตแต่ญาติตัดสินใจบริจาคอวัยวะ ต่อชีวิตใหม่อีกถึง 5 ชีวิต เมื่อสามารถบริจาคได้ทั้ง ไตทั้ง 2 ข้าง หลอดเลือด และดวงตา



คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยโรงพยาบาลมหารนครเชียงใหม่ได้โพสต์เรื่องรางที่น่าประทับใจและแสดงความชื่นชม ผู้เสียชีวิต และญาติ ที่ตัดสินใตบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 ว่าที่ ร.ต.ศุภลักษณ์ โนพี อายุ 32 ปี ได้ทำงานเกี่ยวกับงานการดูแลระบบไฟฟ้า ถูกไฟฟ้าช็อต โดยถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลลำปาง มายังโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โดยการรักษาเบื้องต้น ตรวจพบว่าผู้ป่วยมีอาการไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้น เข้าสู่ภาวะโคม่า


ทีมแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้ทำการตรวจประเมินพบว่า ผู้ป่วยไม่มีการตอบสนอง และมีภาวะสมองตาย ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่า ผู้ป่วยได้เสียชีวิตลงแล้ว ผู้เป็นพ่อและแม่ รวมถึงภรรยา จึงได้ตัดสินใจที่จะบริจาคอวัยวะ เพื่อทำบุญให้กับผู้ป่วย



ด้าน อ.นพ.ศิวัฒม์ ภู่ริยะพันธ์ ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายไต หน่วยศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “ในประเทศไทยการปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่ผู้ป่วยที่รอรับอวัยวะ มาจาก 2 กรณีเท่านั้นคือ จากผู้บริจาคสมองตาย ทางกฏหมายและทางการแพทย์ถือว่าเป็นผู้เสียชีวิตแล้วและจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต ตามข้อบังคับแพทยสภา (ญาติโดยสายโลหิต และสามีภรรยา)



อวัยวะและเนื้อเยื่อที่สามารถปลูกถ่ายได้ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทย แพทย์สามารถนำอวัยวะ และเนื้อเยื่อที่ได้รับจากการบริจาคเพื่อนำไปปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย ให้มีชีวิตใหม่กลับมาอีกครั้ง โดยสามารถนำไปใช้ได้หลายอวัยวะด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนของอวัยวะ ได้แก่ ไต 2 ข้าง ปอด 2 ข้าง หัวใจ ตับอ่อน ตับ และส่วนเนื้อเยื้อได้แก่ ลิ้นหัวใจ หลอดเลือด ผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น กระจกตา



หลายท่านอาจจะมีความหวังว่าญาติที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง เนื่องจาก ผู้ป่วยมีการหายใจ ชีพจรยังเต้นอยู่ แม้หัวใจยังเต้นอยู่ แต่แท้ที่จริงผู้ป่วยอาศัยการหายใจจากเครื่องช่วยหายใจและยากระตุ้นหัวใจ ทุกครั้งในการบริจาคอวัยวะจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย แพทย์จะมีการทดสอบว่าอยู่ในภาวะสมองตายจริงหรือไม่โดย แพทย์จะวินิจฉัยภาวะสมองตายว่าต้องมีการพิสูจน์เป็นหลักฐาน หากมีภาวะสมองตาย หัวใจที่เต้นอยู่ในอีกประมาณ 48-72 ชั่วโมง หัวใจจะหยุดเต้นเอง เพราะก้านสมองส่วนที่ควบคุมการเต้นของหัวใจหยุดทำงาน



การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยสมองตาย ต้องกระทำตามข้อบังคับของแพทยสภาอย่างเคร่งครัด โดยแพทย์ 3 ท่านที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปลูกถ่ายอวัยวะ มีการตรวจสอบกันอย่างน้อย 2 ครั้งห่างกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง หลังจากที่แพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะสมองตายแล้ว จะต้องมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงชื่อกำกับ ถึงจะได้รับการผ่าตัดนำอวัยวะออกโดยทีมผ่าตัด”



ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ที่รอการบริจาคอวัยวะ อยู่จำนวน 5,800 กว่าราย ในขณะที่ทุกวันนี้มีการปลูกถ่ายอวัยวะปีหนึ่งเพียงแค่ 600-700 ราย เพราะฉะนั้นยังมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังไม่ว่าจะเป็นหัวใจวาย ตับวาย ไตวายที่ยังรอการปลูกถ่ายอวัยวะ ยังไม่รวมถึงผู้ป่วยที่มีความพิการเกี่ยวกับกระจกตา ดังนั้นการบริจาคอวัยวะเป็นการให้ที่ไม่สิ้นสุด เป็นที่สุดแห่งการให้ และสามารถจะช่วยชีวิต ต่อชีวิต สร้างชีวิตใหม่ ให้กับผู้ป่วยอีกหลายคนที่ยังรอการปลูกถ่ายอวัยวะ



สำหรับ ขั้นตอนการบริจาคอวัยวะ

1. กรอกรายระเอียดในแบบฟอร์ม บริจาคอวัยวะ จุดประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

2. แอปพลิเคชั่น ชื่อ บริจาคอวัยวะ สามารถกรอกรายละเอียดได้ ติดต่อสอบถาม : 089-9996000, 0918513391 แสดงความจำนงเพื่อบริจาคอวัยวะได้ที่ ศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ชั้น 8 อาคารสุจิณโณ

คุณอาจสนใจ

Related News