จับตา 'โอมิครอน' ไทยพบแล้ว 205 คน ติดเชื้อในประเทศ 25 คน เปิดไทม์ไลน์เคสกาฬสินธุ์-หัวหิน

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ในประเทศ 25 คนแล้ว เผยผลแล็บเชื้อลงปอดเทียบกับเดลต้า ไม่มีอาการรุนแรง


วันที่ 24 ธ.ค.64 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดในประเทศไทย พบว่า สายพันธุ์หลักยังคงเป็นเดลต้า โดยผลตรวจในช่วง 20-23 ธันวาคม พบเดลต้า ร้อยละ 83.3 และสายพันธุ์โอมิครอน ร้อยละ16.2 ในไทยตรวจพบเชื้อแล้ว 205 คน ในจำนวนนี้มาจากต่างประเทศ 180 คน ภาพรวมตรวจเกือบพันตัวอย่างเป็นโอมิครอน 16% กทม.อยู่ที่ 40% ภูมิภาค 8% สาเหตุที่ กทม.เยอะ เพราะส่งตัวอย่างมาจากที่ กทม. เยอะ


สำหรับผู้ติดเชื้อโอมิครอน 205 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 180 ราย คนไทยที่ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ 25 ราย แต่ยังเป็นการติดเชื้อที่สัมพันธ์กับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ในจำนวนนี้มีคลัสเตอร์ใหญ่ที่สุดคือ สามีภรรยาที่กาฬสินธุ์ ตรวจพบติดเชื้ออีก 20 ราย รวม 2 สามีภรรยาเป็น 22 ราย โดยยังมี 5 รายที่ตัวอย่างไม่สมบูรณ์กำลังเก็บส่งตรวจใหม่ นอกจากนี้ ยังมีคลัสเตอร์ ภรรยาของนักบินชาวไนจีเรีย แม่บ้านโรงแรม และครอบครัวผู้กลับจากร่วมพิธีทางศาสนาที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระบบการเฝ้าระวัง  


นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการแพร่เชื้อจากผู้เดินทางจากต่างประเทศ และมีคลัสเตอร์ที่ติดกันเหมือนกรณีกาฬสินธุ์เพิ่มเติมได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเชื้อมีการแพร่ระบาดเร็ว เพราะฉะนั้นมาตรการต่าง ๆ อยากให้ช่วยกันลดความเสี่ยง เราต้องช่วยกันเพื่อยันการติดเชื้อระดับน้อยออกไปให้ได้นานที่สุด แต่สุดท้ายมันก็จะเกิดการแพร่ในประเทศได้ แต่จากหลักฐานเชิงประจักษ์เชื้อโอมิครอนไม่ได้รุนแรง จึงไม่น่าจะต้องวิตกกังวลมากนัก แต่ขอให้ช่วยมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ


นพ.ศุภกิจ บอกอีกว่า จากการติดตามข้อมูลการแพร่ระบาดในต่างประเทศ พบว่า แพร่เร็ว อาการไม่รุนแรง เช่น ฮ่องกงทำแล็บด้วยการเอาเชื้อโอมิครอนใส่เข้าไปในหลอดลม พบแพร่ขยายเร็วกว่าเดลต้า 70 เท่า แต่พอลงไปถึงปอดที่เป็นจุดอันตรายแก่ชีวิตกลับพบว่า ไม่ค่อยทำลายเนื้อปอดมากเท่าเชื้อเดลต้า ขณะที่อังกฤษพบว่า โอมิครอนแพร่ระบาดในครอบครัว เร็วถึง 10.3 เท่า และพบว่าผู้ป่วยได้รักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อ ทำให้หลายหน่วยงานเห็นตรงกันว่า การฉีดวัคซีนจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันโอมิครอนได้

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/zQ4_-72i6Jc