สังคม

ส่งศพ 'น้องเปรม' ชันสูตร รพ.ตำรวจ ครอบครัวติดใจสาเหตุการตาย รุ่นพี่อ้างต่อยลิ้นปี่แค่ครั้งเดียว

โดย pattraporn_a

15 มี.ค. 2565

78 views

ครอบครัวได้นำร่างของน้องเปรม มาถึงที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจแล้ว หลังโรงพยาบาลค่ายสุรนารีไม่มีห้องความดันลบ ไม่สามารถผ่าชันสูตรน้องเปรมที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ ซึ่งพ่อของน้องเปรมยอมรับว่า คาใจสาเหตุที่ลูกชายเสียชีวิต


ร่างของน้องเปรมถูกบรรทุกมาในรถตู้เดินทางจากโรงพยาบาลค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา มาถึงที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อช่วงบ่าย 2 โมงที่ผ่านมา โดยมีนาย เอกชัย ชนภักดี พ่อของน้องเปรม เดินทางมาด้วย พร้อมเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า ยังติดใจถึงการเสียชีวิตของลูกชาย เพราะที่ผ่านมารู้แค่ว่ารับน้องทำให้เสียชีวิต แต่ยังไม่เห็นสภาพศพหรือบาดแผลของลูกเลย จึงขอให้แพทย์ชันสูตรศพก่อน


ส่วนลุกชายก่อนหน้านี้เป็นคนแข็งแรง ชอบเล่นฟุตบอล ไม่มีโรคประจำตัว และไม่เคยเล่าเรื่องราวที่มหาวิทยาลัยให้ฟัง แต่ก็ทราบว่ามีความสุขที่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ และยอมรับว่าเคยขอให้ลูกชายเรียนที่บ้าน เพราะไม่อยากให้ไปอยู่หอพักคนเดียว แต่ลูกก็ไม่ยอม ส่วนที่มหาวิทยาลัยชี้แจงว่าไม่ทราบเรื่องกิจกรรมรับน้องดังกล่าว ซึ่งการดำเนินคดียืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไม่ยกโทษให้กับกลุ่มคนที่ทำร้ายลูก โดยเชื่อว่าน่าจะมีรุ่นพี่มากกว่า 6 คน


ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ณรงค์ ผลวงษ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ระบุว่า สำหรับเหตุการณ์วันดังกล่าว ทราบว่าเกิดขึ้นระหว่างคืนวันที่ 13-14 มีนาคม โดยเป็นกิจกรรมที่กลุ่มรุ่นพี่แอบจัดขึ้น ไม่ได้แจ้งกับทางมหาวิทยาลัย และเลือกสถานที่ที่อยู่ห่างไกล ซึ่งกิจกรรมแบ่งเป็นฐาน มีการร้องเพลง และมีบทลงโทษ คือการต่อยเข้าที่ท้องของน้องเปรม ส่วนรายละเอียดเหตุการณ์ตนเองยังไม่ได้สอบถามแน่ชัด แต่ทางมหาวิทยาลัยยินดีให้ความช่วยเหลือครอบครัว โดยจะชดใช้และออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้


ส่วนการดำเนินคดี ตำรวจอยู่ระหว่างการเชิญตัวนักศึกษารุ่นพี่ 6-7 คนที่อยู่ในเหตุการณ์รับน้องไปสอบปากคำ ซึ่งจะมีการตั้งข้อหาหรือไม่ยังไม่ทราบในรายละเอียด ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่หากตำรวจระบุว่ามีความผิด ทางมหาวิทยาลัยก็มีมาตรการลงโทษสูงสุดคือไล่ออก พร้อมยืนยันว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่ง ที่นี่ไม่เคยมีการรับน้องแล้วเสียชีวิต นี่เป็นเคสแรก


สำหรับขั้นตอนการชันสูตรพลิกศพที่พบว่ามีเชื้อโควิคอยู่ในร่างกาย โดยแบ่งได้เป็น 2 กรณีคือ กรณีแรกผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดทั่วไป ต้องบรรจุศพอยู่ในถุงซิปล็อค 3 ชั้น เจ้าหน้าที่จะใช้วิธีการถ่ายรูปร่างผู้เสียชีวิต จากนั้นถอดเสื้อผ้านำเข้าเครื่องสแกนเพื่อชันสูตรผ่านเครื่องระบบคอมพิวเตอร์ วิธีนี้เจ้าหน้าที่จะไม่สัมผัสตัวผู้ติดเชื้อ


กรณีที่ 2 ถ้าผู้ที่เสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ หรือสงสัยว่าจะถูกฆาตกรรม เจ้าหน้าที่จะนำศพเข้าห้องความดันลบ สวมชุดพีพีอีป้องกันเชื้อ ก่อนผ่าชันสูตร จากนั้นจะส่งผลตรวจกลับไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี


ขณะที่ในรายการโหนกระแสวันนี้ เปิดใจเพื่อนของเปรม ที่ถูกรุ่นพี่รับน้องแล้วต่อยจนเสียชีวิต โดยเพื่อนของเปรม จะแฉพฤติกรรมของรุ่นพี่ว่ารับน้องอย่างไร มีอะไรบ้าง และ มันรุนแรงขนาดไหน ถึงขนาดที่ทำให้เปรมต้องตาย


โดย คุณเอนกพงศ์ ประเคนรี ทนายความ  คุณตรี น้าของเปรม ที่ถูกรุ่นพี่รับน้องจนเสียชีวิต และ คุณเอ ซึ่งเป็นเพื่อนของเปรมและอยู่ในเหตุการณ์วันรับน้อง มาเปิดใจว่า วันเกิดเหตุ รุ่นพี่ได้นัดให้ไปเจอที่โรงเรียน เพื่อไปทำกิจกรรมรับน้อง ซึ่งวันเกิดเหตุ คือวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นการรับน้องในรอบที่ 3 โดยกิจกรรมรับน้องที่รุ่นพี่จัดมีทั้งหมด 4 รอบ


รอบแรกเป็นกิจกรรมที่เรียกว่าเข้าฐาน คือ รุ่นน้องจะร่วมกิจกรรมร้องเพลง และ คลานในน้ำซึ่งเป็นคันนา รอบที่สอง เรียกว่ารอบเสื้อดำ คือจะมีการรับเสื้อดำจากรุ่นพี่ แต่รุ่นน้องผู้ชายทุกคนจะต้องแก้ผ้า ทั้งที่มีเพื่อนผู้หญิงร่วมกิจกรรมอยู่ แต่ผู้หญิงไม่ต้องแก้ผ้าแค่ยืนดูเฉยๆ และก็ร้องเพลงมาร์ช ของโรงเรียน


จนมาถึงรอบที่สาม ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายที่เปรมเสียชีวิต ก็เป็นกิจกรรมเหมือนกับรอบเสื้อดำ คือ ไปกิจกรรมที่ในป่า โดยรุ่นพี่ขับรถมารับที่โรงเรียนตอน 5 โมงเย็น ไปถึงที่ป่าตอน 2 ทุ่ม โดยมีรุ่นพี่ไปทั้งหมด 38 คน รุ่นน้อง 32 คน


เมื่อไปถึง รุ่นพี่ได้เทเบียร์ใส่แก้ว ให้รุ่นน้องกินทุกคน จากนั้นรุ่นพี่ได้จุดธูป และแจกธูปให้รุ่นน้องบอกกล่าวกับเจ้าที่เจ้าทาง และก็ทำกิจกรรมเหมือนรอบเสื้อดำ คือ รุ่นน้องผู้ชายต้องแก้ผ้า และ แยกหญิงชายออกจากกัน


เมื่อจัดแถวเสร็จรุ่นน้องจะต้องคลานไปหารุ่นพี่แล้วทำกิจกรรมคือร้องเพลงมาร์ชของโรงเรียน และปรบมือ ซึ่งหากรุ่นพี่ฟังแล้วว่าใครร้องผิดหรือปรบมือผิดจังหวะเพียง 1 คน แต่รุ่นน้องทุกคนที่เป็นผู้ชายจะต้องถูกรุ่นพี่ทำโทษหมด ด้วยการต่อยและถีบที่ท้อง


ซึ่งในวันนั้นมีรุ่นพี่ 7 คน ที่ได้ทำโทษรุ่นน้องและเปรม ส่วนรุ่นพี่ที่เหลือยังไม่ทันได้ต่อยเพราะเปรมอาการไม่ดีก่อน คือปากซีด และ เจ็บท้อง รุ่นพี่จึงพาไปโรงพยาบาล


ขณะที่นายเอกพงศ์ ยอมรับว่าคาใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะที่ทางมหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ว่า มีรุ่นพี่กระทำผิดทั้งหมด 6 คน ทั้งที่ความจริงรุ่นพี่ทั้ง 32 คน ที่ไปร่วมกิจกรรมจะต้องมีความผิดและรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะแม้รุ่นพี่ที่นอกเหนือจาก 6 คน นี้จะยังไม่ได้ลงโทษรุ่นน้อง แต่ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่กลับไม่เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย


ที่สำคัญทางมหาวิทยาลัยต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะสถานที่นัดหมายรวมตัวกันของรุ่นพี่รุ่นน้อง คือบ่อน้ำ ภายในมหาวิทยาลัย จะปฏิเสธว่าไม่รู้หรือไม่เห็นไม่ได้


ส่วนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วันนี้ได้ออกแถลงการณ์ จากการรับน้องนอกสถานที่ และทำให้มีนักศึกษาระดับชั้น ปวส. เสียชีวิต สรุปใจความว่า


ตามประกาศ มทร.อีสาน เรื่อง งดการจัดกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ และประชุมเชียร์ ประจำปี 2564 มหาวิทยาลัยได้รับทราบเหตุการณ์อันเศร้าสลดที่เกิดขึ้น ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อครอบครัวของน้องนักศึกษาที่ต้องสูญเสียบุตรผู้เป็นที่รัก อันเป็นผลจากกลุ่มนักศึกษา ที่ขัดกับประกาศ และกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ได้ดำเนินการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และควบคุมตัวผู้กระทำผิด เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


เบื้องต้นทราบว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม เวลาประมาณ 23.00 น.โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมเป็นนักศึกษา ระดับ ปวส. ชั้นปีที่ 1 และปีที่ 2 เข้าร่วมกิจกรรม ประมาณ 60 คน สถานที่เกิดเหตุอยู่ภายนอกมหาวิทยาลัย ประมาณ 10 กิโลเมตร ผู้เสียชีวิตเป็นนักศึกษา ปวส. ชั้นปีที่ 1


ส่วนผู้ก่อเหตุที่เป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรมนี้มีประมาณ 6 ราย วันที่ 14 มีนาคม 2565 มหาวิทยาลัยได้นำนักศึกษาที่เกี่ยวข้องเข้ารับการตรวจ ATK ก่อนที่จะพาไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ


ขณะนี้ผู้ปกครองของนักศึกษาทราบเรื่อง ได้มาพบผู้บริหารของมหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินการในเรื่องต่างๆ มหาวิทยาลัยได้อำนวยความสะดวก และให้ความดูแลช่วยเหลืออย่างดีที่สุด รวมถึงกำลังดำเนินการติดตาม และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะการสอบสวนหาผู้กระทำผิด มารับการลงโทษตามกฎหมาย


ในส่วนของมหาวิทยาลัยก็จะดำเนินการระเบียบ ตั้งแต่ตัดคะแนนความประพฤติ พักการเรียน ให้ออกและโทษสูงสุดคือไล่ออก โดยจะพิจารณาจากการสอบสวน


ลงนาม รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 15 มีนาคม 2565

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/7gMWpmQK6ak

คุณอาจสนใจ

Related News