สังคม

พ่วง 22 ล้อบี้เก๋งเจ็บ 3 มอบตัวแล้ว เผยตกท่อคุมรถไม่อยู่ หนีเพราะตกใจ ไม่ได้เมาแล้วขับ

โดย pattraporn_a

20 ธ.ค. 2564

158 views

กรณีรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เบียดรถยนต์คันหนึ่ง บนถนนกาญจนภิเษกเมื่อช่วงเที่ยงของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กวัย 2 ขวบ 1 คน ล่าสุดคนขับมอบตัวแล้ว อ้างว่าโดนรถใหญ่เบียดแล้วจะตกท่อระบายน้ำข้างถนน เลยหักขวาหลบทำให้ชนรถเก๋ง


อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงเที่ยง 14 นาที วานนี้ (19 ธ.ค.) รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เบียดรถยนต์เก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีดำ บนถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าพระราม2 ทำให้คนในรถเก๋ง 3 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ นางสาว ปราวค์ทิพย์ คงเปี่ยม อายุ 32 ปี นางสาว อลิสา บุญศรี อายุ 25 ปี และเด็กหญิง นิรดา หนูฉิม อายุ 2 ปี ส่วนคนขับรถบรรทุกพ่วง หลบหนีขึ้นแท็กซี่ไป


ขณะที่กล้องหน้ารถบรรทุกจะเห็นว่าช่วงก่อนเกิดเหตุรถบรรทุกแซงซ้ายรถบรรทุกอีกคันขึ้นมา แล้วคล้ายกับล้อตกร่องทางซ้าย จากนั้นหัวรถหักไปทางขวาแล้วคืนมาเลนกลาง ซึ่งจังหวะนี้คือชนแล้ว





ล่าสุดนาย แพร ภูเชิดสาย อายุ 36 ปี คนขับรถบรรทุกพ่วงเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียนแล้ว เมื่อประมาณบ่ายโมงครึ่งที่ผ่านมา โดยมาพร้อมกับนายจ้าง (เสื้อสีน้ำเงิน) โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นพนักงานสอบสวนคุมตัวเพื่อไปขออำนาจศาลแขวงบางบอนฝากขัง แต่ระหว่างทาง นาย แพร ก็ยกมือขอโทษผู้บาดเจ็บและสังคมต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมเล่าว่า เขาขับมาช่องทางซ้ายด้วยความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์


แต่ช่วงที่เกิดเหตุล้อรถด้านหน้าจะตกท่อขนาดใหญ่ ทำให้รถเสียหลักรถสะบัดจนประคองรถไม่อยู่ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้แซงรถบรรทุกที่เลนกลาง ส่วนที่ที่หนีเพราะตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน



คนขับรถบรรทุกพ่วง


นาย วิฐิสิริ มิ่งขวัญ ผู้จัดการบริษัทรถบรรทุกพ่วง บอกว่า หลังเกิดเหตุ นาย แพร หลบหนีไปที่จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนจะประสานขอมอบตัว ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องหน้ารถพ่วง จะเห็นว่ารถพ่วงได้ขับมาในเลนซ้าย และล้อหน้าตกหลุมทำให้รถเสียหลัก จนนายแพรไม่สามารถควบคุมรถได้ เมื่อหัวรถพ้น แต่พ่วงท้ายไม่พ้น ทำให้ไปฟาดรถมิราจ  ซึ่งตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา นายแพร ไม่เคยมีประวัติขับรถชนรุนแรงมาก่อน

ด้านผู้บาดเจ็บ คุณชญตร์ มุกดาหาร ได้พูดคุยกับ นางสาว ปรางค์ทิพย์ คงเปี่ยม อายุ 32 ปี คนขับนถยนต์ที่โดนชน เล่าว่า วันเกิดเหตุกำลังขับรถกลับบ้านที่สมุทรสงคราม พร้อมกับน้องสาวและหลานสาว เธอขับมาเลนขวา ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร ส่วนคู่กรณีขับมาเลนซ้าย แต่จู่ๆ คู่กรณีก็เปลี่ยนเลนมา 


ตอนแรกคิดว่าคู่กรณีจะเข้าเลนกลาง กลายเป็นว่า หัวรถพุ่งเลยเลนกลางออกมา ซึ่งจังหวะนั้นคิดแล้วว่า ต้องชนแน่ๆ ทำใจแล้วว่าตายแน่นอน เพราะเป็นรถใหญ่ และเธออยู่ขวา หลบไปทางไหนก็ไม่ได้ จากนั้นรถพ่วงก็ชนเข้าที่รถอย่างแรง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ก่อนที่เธอจะสลบไป มารู้สึกตัวตอนที่อยู่โรงพยาบาล และเพิ่งรู้ว่าน้องสาวกับหลาน 2 ขวบ กระเด็นออกไปอยู่นอกรถ



ผู้ได้รับบาดเจ็บ


อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เธอหัวแตก ใบหน้าโดนกระแทก ช้ำทั้งหมด หัวไหล่ช้ำ นิ้วเย็บ 10 กว่าเข็ม ส่วนน้องสาว หัวแตกเย็บ 10 กว่าเข็ม และเป็นแผลที่สะโพกขนาดใหญ่ ล่าสุดต้องผ่าตัดทำแผลที่สะโพกใหม่ เพราะมีเศษกระจกอยู่ภายใน  และหลานสาววัย 2 ขวบ หมอผ่าตัดมือเรียบร้อย แต่ก็บอกว่าต้องรอเอ็กซเรย์อีกรอบว่ามีเลือดคั่งหรือไม่

ตอนนี้เธออยากพบคู่กรณี เพราะอยากฟังความจริงจากปากของคู่กรณีว่า ทำไมในวันเกิดเหตุไม่คิดจะลงมาช่วย ทำไมถึงหนีไป

เธอยังเล่าถึงความบังเอิญหลังเกิดอุบัติเหตุด้วยว่า ในรถมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ 3 องค์ และเศียรทั้ง 3 องค์นั้นหัก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า อาจจะมีความเกี่ยวข้องกัน เพราะองค์พระที่หักเท่ากับจำนวนคนที่บาดเจ็บ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และ ทรัพย์สินเสียหาย  หลบหนีไม่มาแสดงตัว และแจ้งเหตุต่อพนักงานใกล้เคียงทันที


ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/3lpe2eaKpPE

คุณอาจสนใจ

Related News