ผอ.บดินทรฯ ตั้ง กก.สอบครูโพสต์คุกคามทางเพศ นร. - 'บุ๋ม' แนะไม่ควรแค่ย้ายที่ทำงาน

(10 มิ.ย.) จากประเด็นร้อนในโลกโซเชียลตั้งแต่เมื่อคืนต่อเนื่องถึงวันนี้ จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ถึงพฤติกรรมของครูชายของโรงเรียนดังย่านลาดพร้าว โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ลักษณะคุกคามทางเพศนักเรียน ล่าสุดโรงเรียนต้นสังกัด สั่งให้หยุดพักการสอน พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว

เด็กนักเรียนโรงเรียนดังย่านลาดพร้าว ทวิตข้อความ ตั้งคำถามถึงพฤติกรรมของครูชายคนหนึ่ง ที่โพสต์รูปนักเรียนของตัวเอง ในอริยาบทต่างๆ ลงเฟสบุ๊กส่วนตัว แต่ใช้แคปชั่น หรือข้อความส่อไปในทางเพศ และเป็นลักษณะคุกคามทางเพศ

เรื่องนี้ได้รับความสนใจ จากเพจดัง"หมอแล็บแพนด้า" มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ คุณบุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ที่ตอบโพสต์ ของหมอแล็บแพนด้า ว่า "เป็นครูลูกบุ๋มเอง" ซึ่งหมายความว่า ครูคนนี้ คือครูที่โรงเรียนบดินทรเดชา 1 เพราะลูกสาวของคุณบุ๋ม คือ "น้องอันดามัน" เรียนอยู่ชั้น ม.4 ของโรงเรียนนี้

ด้าน คุณบุ๋ม ปนัดดา โพสต์ข้อความ พร้อมภาพที่เป็นประเด็นลงใน อินสตราแกรม ส่วนตัว "boompanadda" ด้วยเช่นกัน โดยบอกว่า "ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่า และเป็น ผู้ปกครองของลูก ที่มีครูสุขศึกษาแบบนี้ รู้สึกเสียใจและไม่มีความยินดีที่จะให้ลูกเรียนกับครูแบบนี้ เข้าใจว่าการโพสต์มันเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่เคยดูแคลนว่าคนนั้นจะมีรสนิยมทางเพศอย่างไร แต่การมีอาชีพที่อยู่ใกล้ชิดเด็ก และต้องเป็นคนนำทางให้กับเด็กก็ควรจะเป็นครูที่มีจริยธรรมและสำนึกในทางที่ควรและเหมาะสม และกฎของกระทรวงไม่ควรให้แค่ย้ายไปทำงานที่อื่น"

เมื่อทีมข่าวลงพื้นที่โรงเรียนบดินทรเดชา 1 ดร.วิสิทธิ์ ใจเถิง ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้กล่าวขอโทษ และแสดงความเสียใจกับผู้ปกครองและนักเรียน ซึ่งโรงเรียนทราบเรื่องตั้งแต่เมื่อคืน และไม่ได้นิ่งนอนใจ เบื้องต้นได้สั่งให้หยุดการสอนไว้ทั้งหมด พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัย โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุดภายใน 1 สัปดาห์

ครูท่านนี้ สอนมาประมาณ 5 ปี อยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ค่อนข้างเป็นคนเก็บตัวเงียบ และมีโลกส่วนตัว ไม่ได้มีท่าทีแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เบื้องต้นพบว่า ครูมี 2 เฟซบุ๊ก เฟซบุ๊กหนึ่งเปิดสาธารณะโพสต์ปกติทั่วไป ส่วนอีกเฟซบุ๊ก ที่ถูกนำมาเผยแพร่ ถูกตั้งค่าเป็นส่วนตัว ใช้สื่อสารกับกลุ่มเพื่อนสนิท แต่ถูกนำมาเผยแพร่

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/mAfJif4OcA0