"เอก สายไหม" ยันไม่ได้หิวแสง ประเด็น นำพยานมาให้ข้อมูลตำรวจเรื่องดิไอคอน

เอก สายไหม ยันไม่ได้หิวแสง ประเด็น นำพยานมาให้ข้อมูลตำรวจเรื่องดิไอคอน พร้อมเตรียมนำหลักฐานเด็ด มาให้ตำรวจ ยืนยันว่าพยานเป็นคนพูดเรื่องบอสดิไอคอนโยกเงินคริปโต

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ บิ๊กเต่า รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่าหลังจากที่เมื่อวานนี้ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เข้ามอบตัวสู้คดีโพสต์ข้อมูลเท็จของบริษัทดิไอคอน ว่าอาจจะต้องเรียกนายเอกภพ มาให้ปากคำเพิ่ม เนื่องจากพบว่า ข้อมูลบางประเด็น ไม่ตรงกับ พยาน ที่นายเอกภพ พามาให้ปากคำกับตำรวจก่อนหน้านี้



โดยเฉพาะเรื่องของเงินคริปโต ที่พยานบอกว่าไม่ได้ให้ข้อมูลกับนายเอกภพว่า บอสของดิไอคอน มีการโยกย้ายเงินคลิปโตกว่า 8 พันล้านบาท โดยพยานบอกกับนายเอกภพว่า เป็นข้อสันนิษฐานจากการหาข้อมูลจากสื่อสาธารณะ และไม่ยืนยันในเรื่องนี้ แต่นายเอกภพ กลับนำข้อมูลไปลงในเพจและให้ข้อมูลกับสื่อว่า บอสของดิไอคอน มีการโยกย้ายเงินคลิปโต ซึ่งนายเอกภพ เอาข้อมูลไปประติดประต่อเอง



ล่าสุดนายเอกภพ ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 3 ยืนยันว่าข้อมูลที่ตนได้เผยแพร่ให้กับสื่อมวลชน และนำไปลงในเพจ เป็นข้อมูลที่ได้รับจากพยาน ตนไม่ได้ประติดประต่อเรื่องอย่างที่ถูกกล่าวหา และการที่ตนนำพยานมาพบตำรวจก็ทำหน้าที่ของพลเมืองดี ตนไม่ได้หิวแสง



หากตำรวจต้องการให้ตนไปให้ปากคำตนก็พร้อม และตนจะนำหลักฐานเป็นไฟล์เสียง ที่มีการพุดคุยกับพยานในประเด็นเรื่องเงินคริปโต ที่ตนได้บันทึกเสียงไว้ รวมถึงแชทต่าง ๆ ที่พยานคนนี้ส่งข้อมุลมาทางเพจ ไปมอบให้กับตำรวจด้วย



เรื่องที่เกิดขึ้นตนได้ปรึกษากับทางทนายความ และยืนยันที่จะฟ้องดำเนินคดีกับพยานรายนี้ เพราะนอกจากจะทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว ตนไม่รู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของพยานรายนี้คืออะไร หรือเขาเป็นหนอนของใครที่แฝงตัวเข้ามาหรือไม่ 


ที่สำคัญตนมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าสงสัย เพราะแทนที่บอสของดิไอคอน จะดำเนินคดีกับพยานที่มาให้ข้อมูล แต่กลับมาดำเนินคดีกับตนเพียงคนเดียว


ทั้งนี้ตนอยากจะฝากบอกพยานรายนี้ว่า พูดอะไรกับตนไว้ในวันที่ติดต่อมาเพื่อจะให้ข้อมูลตนจำได้ได้หมด และขอว่าจะพูดอะไรให้คิดให้ดี ๆ ทุกอย่างตนมีหลักฐาน