"ชูวิทย์" ขึ้นศาลไต่สวนคดีฟ้อง "สันธนะ" หมิ่นประมาท-เเจ้งความเท็จบอกกลัวจนตัวสั่น - "สันธนะ" ยันไม่แกล้งใคร ชูรูปชูวิทย์ถ่ายคู่นอท

เมื่อเวลาประมาณ 13:00 น.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เพื่อฟังการพิจารณาไต่สวนมูลฟ้อง กรณีที่บริษัท ต้นตระกูล จำกัด โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์เป็นผู้รับมอบอำนาจ ยื่นฟ้องนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ในข้อหาแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดทางอาญาฯ ,หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และละเมิด



โดยทนายอนันต์ชัยกล่าว่า วันนี้ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องจากกรณีที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ กล่าวหาว่า มีคลิปวิดิโอในห้องน้ำของโรงแรมเดวิด และกล่าวอ้างว่า มีคนเข้าไปมั่วสุมยาเสพติด อีกทั้งยังปรากฏว่า นายสันธนะได้ให้สัมภาษณ์และนำเสนอข่าวกล่าวหาว่าร้ายโรงแรมเดวิดของคุณชูวิทย์ว่า เป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด ทำให้เกิดความเสียหายแก่โรงแรมของนายชูวิทย์อย่างมาก ทั้งที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงตรวจสอบโรงแรมก็ไม่พบยาเสพติดและได้เรียกคนในคลิปมาตรวจปัสสาวะแล้วก็ไม่พบว่ามีสีม่วงแต่อย่างใด



วันนี้จึงเป็นการนัดไต่สวนมูลฟ้องก่อนซึ่งมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอย่างครบถ้วนว่าจะเพียงพอทำให้ศาลประทับรับฟ้องได้ โดยคดีที่ฟ้องนั้นเป็นคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาพ่วงกับคดีละเมิด ซึ่งถือว่าเป็นคดีอาญาที่มีความเกี่ยวเนื่องกับคดีแพ่ง โดยถ้าหากศาลประทับรับฟ้องคดีอาญา ก็จะพ่วงมากับการเรียกร้องค่าเสียหายตามคดีแพ่งในมูลฐานละเมิดต่อไปตามกระบวนการ จึงยังตอบไม่ได้ว่าคิดมูลค่าความเสียหายเท่าไหร่ ต้องรอศาลไต่สวนประทับรับฟ้องอาญาเสียก่อน



ด้านนายชูวิทย์กล่าวว่า วันนี้ตนไม่มีอะไรจะกล่าวมาก ขออาศัยพึ่งพิงความยุติธรรมจากทนายความและศาล หวังว่าจะบังเกิดความยุติธรรมแก่ตนและจะช่วยสังคมพิสูจน์ว่า นายสันธนะเป็นใคร มีสถานะอะไรถึงมาร้องให้ตรวจสอบและกลั่นแกล้งคนอื่นได้ ตำรวจก็ไม่ใช่ ถ้าตนไม่ทำเช่นนี้ คนอื่นก็อาจจะถูกกลั่นแกล้งด้วยกระบวนการเช่นนี้อีก



เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า วันนี้จะต้องเผชิญหน้ากับนายสันธนะรู้สึกยังไง นายชูวิทย์กล่าวว่า มือไม้มันสั่นไปหมด ขาก็สั่นด้วย ขนาดอยู่ในศาลแล้วนะ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ก่อนจะเดินขึ้นศาลไป

ขณะเดียวกันนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อฟังการพิจารณาไต่สวนมูลฟ้อง กรณีที่ถูกบริษัท ต้นตระกูล จำกัด โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์เป็นผู้รับมอบอำนาจ ยื่นฟ้องในข้อหาแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดทางอาญาฯ, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ,และละเมิด



โดยนายสันธนะเปิดเผยว่า คดีนี้ตนเองจำเป็นต้องเข้ามาร่วมฟัง ก่อนหน้านี้ได้ยื่นพยานหลักฐานไปแล้วจำนวน 35 แผ่นซึ่งตัวเองมองว่าไม่เพียงพอ จึงนำพยานเอกสารมาเพิ่มเติมอีกจำนวน 111 แผ่น และพยานหลักฐานจำพวกภาพถ่ายและคลิป มายื่นเพิ่มเติมซึ่งเชื่อว่าจะสามารถใช้ในกระบวนพิจารณาคดีครั้งนี้ได้ ซึ่งตนเองมองว่ากลุ่มคนเหล่านี้ใช้สื่อในการโจมตีตัวเอง รวมถึงใช้ช่องโหว่ของกฏหมายเพื่อดิสเครดิตบุคคลอื่น โดยวันนี้ตนจะขออนุญาตศาลชี้แจงในเรื่องราวที่โดนกล่าวหาทั้งหมด รวมถึงอธิบายพยานหลักฐานที่ได้มาให้ชัดเจน



ส่วนการที่ตนเองถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทานั้น วันนี้ตนก็จะพูดให้หมด ตนทำงานอาชีพตำรวจมา 22 ปี ออกจากราชการมาทำธุรกิจส่วนตัวอีก 20 กว่าปี รู้ที่มาที่ไปของแหล่งข่าวของนายชูวิทย์ซึ่งที่จริงแล้วก็มาจากเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น  พร้อมยังกล่าวอีกว่า หากชูวิทย์มั่นใจในตัวเองมากก็ขอให้ตอบและอธิบายสิ่งที่ตนเองเสนอต่อสาธารณะชนให้ได้ ส่วนที่นายชูวิทย์แจ้งความตนทั้ง 2 คดีนั้น นายสันธนะกล่าวว่า หากไม่มีพยานหลักฐานจะนำมาเสนอทำไม หากชูวิทย์มั่นใจก็ต้องตอบและอธิบายสิ่งที่ตนนำเสนอไปให้ได้



ตนเห็นว่าวันนี้นายชูวิทย์มาแบบมือสั่น เท้าสั่น ก็อยากจะรู้ว่าลงมาจากศาลวันนี้จะสั่นอีกไหม พร้อมกล่าวย้ำอีกว่า ตนไม่กลัวใครนอกจากลูกปืนเท่านั้น นายสันธนะยังกล่าวอีกว่า ที่นายชูวิทย์อยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ก็เพราะมีลูกพี่ที่ดี และยืนยันอีกครั้งว่า คดีนี้ตนเองไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ยิ่งนายชูวิทย์หากไม่ผิดตัวเองจะไปกลั่นแกล้งทำไม ถึงแม้จะมีอคติในตัวนายชูวิทย์ก็ตามแต่ตนก็แยกแยะออกหมด



นายสันธนะยังกล่าววางแผนว่า หลังจากนี้ตนจะเข้าสู้เส้นทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาตนเองเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างแก้ไขไม่ได้ โดยตนจะลงไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นพรรคที่อยู่ในใจเพื่อให้ชนะการเลือกตั้งและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อถึงวันนั้น ตัวเองจะขอเข้ามากำกับดูแลกระบวนการยุติธรรม อาจจะเป็นในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือกระทรวงยุติธรรม โดยตัวเองมั่นใจในความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานว่าจะสามารถช่วยเหลือได้



ทั้งนี้ นายสันธนะได้โชว์ตัวอย่างพยานภาพถ่ายที่ตนนำมายื่นต่อศาลในวันนี้ โดยเป็นภาพของนอท กองสลากพลัส ถ่ายคู่กับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก่อนเดินขึ้นศาลไป

ต่อมาเวลา 15.20 น. หลังนายชูวิทย์ เสร็จสิ้นกระบวนการเบิกความที่ศาลอาญา ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้นายชูวิทย์ได้เบิกความเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งศาลได้นัดซักค้านในวันที่ 27 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น.




ทั้งนี้ ตนมั่นใจในหลักฐานคือ สำนวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนระบุว่า จากการสอบสวนทั้งหมด ไม่พบว่ามีการเสพยาเสพติด ไม่พบผู้ที่มีปัสสาวะเป็นสีม่วง และไม่ได้เปิดเกินเวลา ดังนั้น สิ่งที่นายสันธนะไปแจ้งความทั้งหมดถือเป็นความเท็จ





อย่างไรก็ตาม วันนี้ นายสันธนะ ยังได้แถลงต่อศาลตามมาตรา 165/2 ให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอันสำคัญที่ศาลควรสั่งว่าคดีไม่มีมูลด้วย ซึ่งตนเองและนายชูวิทย์ไม่ได้กังวล ให้โอกาสนายสันธนะได้ใช้สิทธิของจำเลย และให้สู้กันด้วยฝีมือ จะได้รู้ว่าตนเป็นทนายกระดูกอ่อน หรือทนายกระดูกเหล็ก