สังคม

'บิ๊กต่อ' บุกอรัญฯ ปฎิบัติการ 'ซิม-สาย-เสา' พบผู้ให้บริการเน็ตพาดสายไปกัมพูชา เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์

โดย thichaphat_d

15 ธ.ค. 2565

14 views

วานนี้ (14 ธ.ค. 65) 'บิ๊กต่อ'พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะ บินด่วนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาลงที่ กก.ตชด.12 อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เปิดปฎิบัติการซิม-สาย-เสา ตัดวงจรขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทย ปูพรมตรวจค้น 6 จุด ใน อ.อรัญประเทศ


โดยจุดที่น่าสนใจคือ การนำกำลังเข้าตรวจสอบสำนักงานบริการลูกค้าของผู้ให้บริการเครือข่ายรายหนึ่ง ใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อตรวจสอบการได้รับอนุญาตพาดสายสื่อสารข้ามไปยังประเทศกัมพูชา จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบจุดพาดสายสื่อสารข้ามไปประเทศกัมพูชาที่บริเวณด้านหลังสถานีรถไฟบ้านคลองลึก ชายแดน อ.อรัญประเทศ ซึ่งอยู่ข้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว


จากการตรวจสอบ พบสายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ที่พาดจากฝั่งประเทศไทยบริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูง ริมคลองลึก (คลองกั้นพรมแดน) หลังสถานีรถไฟบ้านคลองลึกฯ ซึ่งอยู่ข้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ข้ามคลองลึกไปเชื่อมต่อในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา พบว่ามีกว่า 30 เส้น ซึ่งจะมีคู่สายสื่อสาร หรืออินเตอร์เน็ตรวมกว่า 1 หมื่นคู่สาย ซึ่งจากแนวทางสืบสวนเชื่อว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นช่องทางหากินหลอกลวงคนไทย


พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ ได้ทำการตรวจสอบพบว่า มีการลักลอบใช้สัญญาณเครือข่ายเคเบิล ในลักษณะส่งสัญญาณออกไป ในประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะทำเป็นลักษณะของขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน โดยมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก


ซึ่งรายล่าสุด มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยในกรณีนั้น ทางชุดสืบสวนได้ขยายผล จนพบว่ามีการปล่อยสัญญาณข้ามไปปรากฏอยู่ที่บริเวณดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการออกหมายค้นและหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง


โดยในวันนี้ ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจุดที่มีการปล่อยสัญญาณ และจุดบริเวณชายแดนที่มีการต่อเชื่อมสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐรวมอยู่ด้วย


อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการดังกล่าว เป็นหนึ่งในกระบวนการที่จะนำไปสู่การตัดวงจรขบวนการคอลเซ็นเตอร์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเน้นในเรื่องของการตัดวงจร ซิม-สาย-เสา 


ในส่วนของซิม ได้มีการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกวาดล้าง โดยได้ตรวจยึดซิมโทรศัพท์มากกว่า 2 แสนเบอร์ ส่งผลให้สถานการณ์ลดลงไปกว่าร้อยละ 25 แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือเรื่องของสายและเสา ซึ่งสามารถตัดสัญญาณที่มีการลักลอบลงได้ ก็จะทำให้สถานการณ์เบาลงได้เยอะ


การที่ติดตามจับกุมบัญชีม้า ติดตามเงินให้ผู้เสียหาย ตลอดจนการอายัดบัญชีที่ใช้ในการก่อเหตุ อาจเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เนื่องจาก ปัจจุบันพบแผนประทุษกรรมว่า ทันทีที่คนร้ายสามารถที่จะหลอกเอาเงินของผู้เสียหายได้ ก็จะถูกถ่ายโอนไปสู่บัญชีเงินสกุลดิจิตอล ซึ่งติดตามทวงคืนได้ยาก


ตลอดจนที่ผ่านมาพบว่า ผู้เสียหายหลายรายเป็นข้าราชการบำนาญ แต่กลับถูกคนร้ายหลอกลวงนำเงินก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ไป หรือไม่เว้นแม้แต่พี่น้องประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ ต้องมาตกเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ บช.สอท. กำหนดมาตรการเชิงรุกในการตัดวงจรของขบวนการดังกล่าวตั้งแต่ต้นทาง ทั้งนี้เพื่อเป็นการตัดโอกาสในการกระทำความผิด โดยนำมาตรการ ซิม-สาย-เสา มาใช้


อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลว่า มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องอย่างไร โดยมอบหมายให้กับ บก.ปปป. เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามมาตรา 157 ต่อไป และหากพบว่าใครมีส่วนรู้เห็นต่อการกระทำความผิด เป็นตัวการในการสนับสนุน ก็จะต้องดำเนินการตาม ม.83 อีกด้วย


ทั้งนี้ มีรายงานว่าในวันนี้ (15 ธ.ค. 65) เวลา 14.00 น. ที่ บช.สอท. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะแถลงผลการจับกุมขบวนการดังกล่าวต่อไป

--------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/wz8s8elNaFc

คุณอาจสนใจ

Related News