อาชญากรรม

'ชูวิทย์' แฉจิ๊กซอว์ไขคดีตู้ห่าว พร้อมรับเข็มยุติธรรมธำรง ลั่นเงินมีเยอะแล้ว ขอนำรางวัลนำจับ 5% บริจาครพ.

โดย thichaphat_d

9 ธ.ค. 2565

85 views

รมต.ยุติธรรม มอบเข็มยุติธรรมธำรง เชิดชูเกียรติ “ชูวิทย์” ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ บอกตำแหน่งที่ปรึกษาเลขาฯ ป.ป.ส. ที่มอบให้ขอพิจารณาดูก่อน ส่วน 5% รางวัลนำจับยึดทรัพย์คดียาเสพติด จะนำไปบริจาคให้ รพ.เพราะมีเงินใช้พออยู่แล้ว ห่วงอิทธิพลตู้ห่าว ถ้าไม่ดำเนินคดีตรงไปตรงมาจะเกิดเอฟเฟกต์ภายหลัง


วานนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เดินทางเข้าพบนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ข้อมูลสำคัญเรื่องยาเสพติดกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว

โดยนายชูวิทย์ เปิดเผยกับสื่อก่อนเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า จากพฤติกรรมของนายตู้ห่าวเป็นการทำธุรกิจสีดำเจริญเติบโตรวดเร็ว ถ้าไม่มีคอนเน็คชั่นหรือเครือข่ายที่ให้การช่วยเหลือ ก็คงไม่ร่ำรวยเร็วอย่างนี้อีกทั้งยังทำให้บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้ยาเสพติด  

“การที่ตนเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาเพื่ออยากให้เห็นพฤติกกรรมว่าไม่ใช้บันได แต่ใช้ลิฟท์ในการขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถพูดเยอะได้แล้ว เนื่องจากการที่ตนออกมาแฉเรื่องต่างๆ ทำให้ถูกจับตามอง จึงอยากขอให้ประชาชนหรือคนดี ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากรู้เบาะแสก็แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบดูแล”

เรื่องเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นเงินรางวัลนำจับจากคดียาเสพติดของนายตู้ห่าว จากทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ที่จะแบ่งให้กับตนนั้น ตนจะนำเงินทั้งหมดที่ได้มาจะนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเงินในการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากตนมีเงินใช้พออยู่แล้ว และขอเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนในการแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่จนสามารถจับกุมตัวตู้ห่าว ได้

นายชูวิทย์ ยืนยันว่าข้อมูลหลักฐานที่ตนเองนำมาวันนี้ เป็นจิ๊กซอว์สำคัญเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฏหมายในประเทศไทย ที่เวลานี้ธุรกิจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจนทำลายความมั่นคงของชาติ

หลักฐานที่ตนเองนำมายื่นให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ถือว่าครบถ้วนในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับคดีนายตู้ห่าว ขณะเดียวกันขอทุกคนอย่ามองว่าเป็นการเล่นการเมือง แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะเวลานี้ธุรกิจของกลุ่มทุนที่ออกมาลุยเปิดโปงข้อมูลอยู่ในเวลานี้ เติบโตอย่างรวดเร็วเอามาก ๆ เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือบางอย่างจากหน่วยงานรัฐ

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ แฉว่า การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปสนับสนุนชาวจีนเหล่านี้ ส่งผลให้ธุรกิจสีเทาในไทยของกลุ่มเหล่านี้เติบโตโดยเวลา 10 ปี ตู้ห่าวสามารถมีรถทัวร์ 500 คัน มีเงินหลายพันล้าน สามารถซื้อบ้านได้ในราคา 200-300 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้นหากมีกฎหมายให้ต่างชาติซื้อที่ดินในไทยได้ ถ.สุขุมวิท และ ถ.รัชดาภิเษก โดยคนไทยที่หากินสุจริตไม่มีทางสู้ทุนจีนที่หากินสีเทาได้

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม กล่าวแสดงความรู้สึกดีใจที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด ช่วยเจ้าหน้าที่อย่างเป็นกลาง โดยบอกว่าหากคดีสิ้นสุดมีการยึดอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาแล้ว จะได้ค่าตอบแทนนำจับจากการยึดอายัดทรัพย์สิน 5% เช่นหากยึดอายัดทรัพย์สินผู้ต้องหาได้ 2,000 ล้านบาท ก็จะได้รางวัลนำจับ 100 ล้านบาท

ส่วนของการยึดทรัพย์สินคดีนายตู้ห่าว ที่มีความกังวลว่า อาจมีการโยกย้ายเงินไปแล้วก่อนถูกดำเนินคดี รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ บอกว่า หากมีการโยกย้ายให้นอมินี เชื่อว่านอมินีคงไม่ยอมถูกดำเนินคดีแล้วมีการหลบหนี ซึ่งก็จะทำการยึดทรัพย์สินนอมินี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่หากมีการโยกย้ายออกนอกประเทศ ก็จะทำการประสานไปยังประเทศนั้นให้ช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการช่วยเหลือกันเกี่ยวกับเรื่องผู้ต้องหาคดียาเสพติดอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันนายชูวิทย์ ได้มอบข้อมูลและหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับยาเสพติด เชื่อมโยงไปถึงนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมระบุว่า มีคนถามว่าไม่กลัวโดนเก็บเหรอ ตนจึงบอกว่าถ้า “ถ้าผมเป็นคนดีแล้วโดนเก็บ คงจะมีคนสร้างรูปปั้นให้ผม ผมคิดว่าคนชั่วต้องกลัว คนดีมี่ต้องกลัว ผมขอมอบเอกสารเป็นหลักฐานให้รัฐมนตรีสมศักดิ์ เป็นข้อมูลสำคัญที่สุด”

จากนั้นนายสมศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบรางวัลยุติธรรมดำรง ให้กับนายชูวิทย์  พร้อมระบุว่า “ประมวลกฎหมายยาเสพติดที่กระทรวงยุติธรรมถืออยู่ สำหรับการแจ้งเบาะแสซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่กล้าแจ้งเบาะแส แต่นายชูวิทย์ เป็นคนดีและเป็นบุคคลที่กระทรวงยุติธรรมได้เห็นการคืนคนดีสู่สังคม เนื่องจากนายชูวิทย์ เคยต้องโทษเคยจำคุก ปกติเหรียญนี้เขาจะไม่ให้ แต่ตนได้พิจารณาเป็นเรื่องพิเศษเพราะหาคนแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ที่จะกล้าทำเพื่อสังคม เหรียญนี้เป็นเหรียญเชิดชูเกียรติแก่นายชูวิทย์ ”

โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า “ถ้าพูดให้ดูตลกขบขัน ผมเองสังกัดกระทรวงยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะผมติดคุกอยู่กรมราชทัณฑ์ เมื่อออกมาเขาจะใวห้ใบบริสุทธิ์ล้างมลทิน วันนี้ผมขอยืนยันว่าการกระทำของตนไร้เจตนาอยู่เบื้องหลัง ถ้ามีก็ขอให้มีพระปฏิมา องค์พระสยามเทวาธิราช ที่สนับสนุนให้ผมกระทำการแบบนี้

ผมมั่นใจว่าจะเป็นตัวอย่างให้สังคมที่กล้าจะออกมาเปิดเผย และชี้ให้เห็นว่ายาเสพติดเป็นผลร้าย 5 เปอร์เซ็น ผมก็ไม่ได้หวัง แต่เหรียญที่ให้มีมูลค่าเกินกว่าเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ แก่จนป่านนี้ผมไม่ได้หวังเงินทอง ขอบคุณรัฐมนตรีสมศักดิ์ เหรียญนี้ประดับไว้เป็นเกียรติยศแก่ชีวิต”

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า คณะกรรมการในกระทรวงยุติธรรม ให้แต่งตั้ง นายชูวิทย์ เป็นที่ปรึกษาเลขาฯ ป.ป.ส. ซึ่งนายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ต้องการตำแหน่ง เงินทอง ชื่อเสียง ตำแหน่งที่ให้ผมก็จะเอาไว้พิจารณา เนื่องจากทั้งชีวิตที่ผ่านมา ได้ผ่านตำแหน่งนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว “อย่าถามผมว่าชูวิทย์กลัวหรือใม่กลัว ผมไม่กลัว”

ภายหลังจากพิธีมอบเข็มยุติธรรมธำรง นายชูวิทย์ เผยถึงความรู้สึกว่า ตนมีความรู้สึกเกินกำไรที่ได้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ดีใจที่ได้ออกมาแฉขบวนการและได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วง คือ คดียาเสพติดของนายตู้ห่าว มีมากมาย แต่ทรัพย์สินที่เป็นโรงแรมยังคงเปิดกิจการอยู่ เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วนก่อนจะมีการโยกย้าย

และที่ยังเป็นห่วงอยู่อีกเรื่อง คือ อิทธิพลของนายตู้ห่าว ซึ่งจากวันตรวจสอบผับจินหลิง พบผู้เสพยา 160 ราย ตอนนี้เหลือ 60 ราย เห็นได้ว่ามีการใช้เส้นสายในการช่วยคดีความ ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ จึงอยากให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เคร่งครัดตรวจสอบให้ชัดเจน และดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นจะเกิดเอฟเฟกต์ตามมาในภายหลัง นายตู้ห่าว จะเป็นมวยล้มไม่ได้ เรื่องยาเสพติดจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ ตนเองเป็นมวยมีชั้นเชิง บางครั้งตนแพ้เพื่อจะชนะในวันข้างหน้า

นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า การปฏิบัติงานของทาง ป.ป.ส. ในปีนี้ เดิมทีมีเพียง 5 มาตรการ แต่ได้เพิ่มมาตรการอีก 1 ข้อ คือ ยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด ซึ่ง ทาง ป.ป.ส.ได้ตั้งเป้าไว้ที่แสนล้านบาท ตอนนี้สามารถยึดได้แล้วหมื่นกว่าล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่จะแบ่งเปอร์เซ็นจากการยึดอายัดทรัพย์จนกว่าคดีจะสิ้นสุดให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำคดี 25% และกับผู้แจ้งเบาะแส 5% รวมเป็น 30% ให้เป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้แจ้งเบาะแส  

ส่วนระเบียบการจัดสรรเงินรางวัล ที่มีการยึดอายัดทรัพย์สินได้จากขบวนการของผู้ต้องหา จากจำนวน 100% จะแบ่ง 70% เป็นของทรัพย์แผ่นดิน ส่วนอีก 30% จะแบ่งให้ 4 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มผู้ทำการสืบสวนจับกุมจับกุมเพียงอย่างเดียวไม่ได้ขยายผลยึดทรัพย์ (อัยการ/ตำรวจ/ทหาร/ฝ่ายปกครอง/DSI/ปปส) 2%

2.กลุ่มพนักงานสอบสวนอัยการ 4% (พนักงานสอบสวน 2% อัยการที่เกี่ยวข้อง 2%)

3.กลุ่มผู้ทำการสืบสวนขยายผล (อัยการ/ตำรวจ/ทหาร/ฝ่ายปกครอง/DSI/ปปส) 15%

4.ผู้ทำสำนวนและบริหารจัดการทรัพย์สิน 9% แบ่งเป็นอัยการผู้ทำหน้าที่บังคับคดี 1% / พนักงาน ปปส.ทำคดีตรวจทรัพย์สิน 5% / ผู้เก็บรักษาทรัพย์ 2.5% / ผู้ทำหน้าที่ขยายทอดตลาด 0.5%

แต่สำหรับคดีใดที่มีผู้แจ้งเบาะแสจะได้ 5% ที่เป็นรางวัลแจ้งเบาะแส จะเฉลี่ยจาก 30% ของ 4 กลุ่มมาให้ผู้แจ้ง โดยคดีของตู้ห่าวเบื้องต้นสามารถยึดอายัติทรัพย์ในส่วนของคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาแล้ว ประมาณ 1,028 ล้านบาท ซึ่งนายชูวิทย์ จะได้ 5% จากจำนวนดังกล่าว แต่ส่วนคดีอื่น  ที่ไม่มียาเสพติดเกี่ยวข้องอยู่นอกเหนือการทำงาน ป.ป.ส.



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/uLrZCk2kjXM

คุณอาจสนใจ

Related News