หญิงวัย 73 ปี ร้องขอความยุติธรรม ตัดหน่อกล้วยเพื่อนบ้านที่ล้ำเข้าเขตบ้าน ถูกแจ้งจับ-ทำร้ายร่างกาย

วันนี้ (8 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าว ได้พูดคุยกับนางดอกไม้ อายุ 73 ปี พร้อมด้วยลูกสาวคือ น.ส.กุสุมา ซึ่งหอบกระเป๋าเดินทางหลายใบ พร้อมกับเสื่อ ขึ้นรถจากนครสวรรค์ มาที่ทำเนียบรัฐบาล เล่าว่า เหตุการณ์เริ่มต้นประมาณ พฤษภาคม 65 ที่คุณกุสุมา ไปตัดต้นกล้วยของเพื่อนบ้าน ที่แทงหน่อกล้วยล้ำเข้าบริเวณที่ดิน


ต่อมา วันที่ 24 มิถุนายน 65 เพื่อนบ้านคู่กรณี พร้อมตำรวจ ยกพวกมาที่บ้าน แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และทำร้ายร่างกายนางดอกไม้ ส่วนน.ส.กุสุมา ถูกจับคุมขัง 2 คืน ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ก่อนได้รับการประกันตัวในชั้นศาล


เมื่อวานนี้ (7 ธันวาคม 65) 2 แม่ลูกจึงหอบกระเป๋าเดินทางเข้า กทม. นอนพักหน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้วัดโสมนัสราชวรวิหาร ซึ่งวันนี้ เวลา 09.00น. ได้เดินทางมาร้องที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบฯ


นางดอกไม้ ได้เปิดคลิปที่เกิดเหตุให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งเป็นคลิปหลักฐาน ว่าถูกคู่กรณีที่เป็นเพื่อนบ้าน และเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาก่อความวุ่นวายและพยายามจับกุมตนเอง อย่างไม่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา


โดยในคลิปมีเสียงทางผู้ร้อง ได้ตะโกนว่า ตำรวจช่วยกันจับล็อกให้คู่กรณีต่อย และอ้างว่าคู่กรณีพยายามจะฆ่าตน ก่อนที่จะมีเสียงความชุลมุนวุ่นวาย และมีการท้าทายกันเป็นระยะ แล้วเพื่อนบ้านคู่กรณี ตะโกนบอกว่า ผู้ร้องมาตัดต้นกล้วยบ้านตน


โดยทั้งคู่อธิบายเพิ่มเติมว่า พวกตนและญาติ ๆ หลายคน อาศัยอยู่บนที่ดินสาธารณประโยชน์ ประมาณ 1 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินชายธง แต่อ้างว่าที่ผ่านมา เพื่อนบ้านที่เป็นคู่กรณี พยายามกลั่นแกล้งพวกตนสารพัด โดยหวังฮุบที่ดินของญาติๆ และพวกตน


จนกระทั่งประมาณ พฤษภาคม 65 มีหน่อต้นกล้วยของเพื่อนบ้านแทงล้ำเข้ามาในที่ดินตน ลูกสาวจึงไปตัดหน่อกล้วย หลังจากนั้นก็ดูเหมือนไม่มีอะไร และต่อมาวันที่ 24 มิถุนายน 65 เพื่อนบ้านคู่กรณี พร้อมตำรวจ ยกพวกมาที่บ้าน แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ จึงเกิดเหตุชุลมุนขึ้นตามที่ปรากฏในคลิป


นางดอกไม้ เผยว่า วันเกิดเหตุ มีคนจับเธอทุ่มลงพื้นอย่างกับลูกหมา จนบาดเจ็บเอวเบี้ยว และบาดเจ็บจนถึงทุกวันนี้ การเดินเหินไม่คล่องตัว ส่วนลูกสาว ที่จะเข้าไปช่วยแม่กลับถูกตำรวจที่ไปด้วยในวันนั้นจับล็อกคอหิ้วปีก จนหายใจไม่ออก เป็นเหตุให้มีร่องรอยที่คอ ก่อนจะถูกแทงเข่าเข้าที่ใต้หน้าอก เป็นเหตุให้บาดเจ็บทั้งที่คอ และลำตัว


จากนั้นน.ส.กุสุมา ก็จะถูกจับกุมไปที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ต้องนอนในห้องคุมขัง 2 คืน ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวในชั้นศาล


ซึ่งน.ส.กุสุมา ได้พยายามไปแจ้งความกับตำรวจอีก ในข้อหาเพื่อนบ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย แต่อ้างว่าตำรวจก็ไม่ดำเนินคดี จนเรื่องเงียบ แม้จะไปตรวจร่างกายได้รับรองแพทย์ แนบไปกับคำร้อง แต่ตำรวจก็เงียบ


ซึ่งตลอดหลายเดือนได้ขึ้นโรงพักไปตามคดีหลายครั้ง ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์ แต่ก็ไม่มีคืบหน้า


จนพวกตนรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย และหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ก็ยังถูกกลั่นแกล้งสารพัด ทั้งพยายามแจ้งความในหลายข้อหา จนทำให้อยู่อาศัยไม่เป็นสุข คล้ายกับว่า จะพยายามกดดันให้พวกตน และครอบครัวย้ายออกไป


จนวันนี้นางดอกไม้ทนไม่ไหว ตัดสินใจหอบหิ้ว เสื่อ และกระเป๋าเดินทาง ที่เต็มไปด้วยเอกสารจากนครสวรรค์ เข้ามากรุงเทพเพื่อขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ จึงไปกราบขอความเห็นใจจากนักข่าวบางส่วนที่ทำข่าวอยู่แถวนั้นเพื่อขอให้ช่วย


ทีมข่าวจึงได้พาคุณยาย และ ลูกสาว ให้เข้าไปปรึกษากับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ก่อนจะซักถามข้อมูล และประสานความ