สังคม

ญาติคาใจ! คำแถลง ตร.ปล่อยผู้ต้องหาตกรถ ลากไปกับพื้นถนนแค่ 10 ม. ทั้งที่พยานเห็นลากไกลเป็นกิโลฯ

โดย petchpawee_k

25 ต.ค. 2565

11 views

 วานนี้ 24 ต.ค. 2565 ตำรวจภูธรจังหวัดน่านออกหนังสือแถลง กรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่าผู้ต้องหากระโดดหนีออกจากรถนั้น  ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2565ประมาณ 11.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เรือง ได้ร่วมกันออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบห้วงระดมกวาดล้าง


ขณะออกตรวจสอบมาถึง บริเวณถนนสาธารณะทางไปสวนยางหลังหมู่บ้านนามน หมู่ 7 ตำบลบ่อสวก อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พบชายขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ผ่านแสดงท่าทางมีพิรุธ จึงได้เรียกให้หยุดรถ แล้วจึงได้ทำการตรวจสอบ ทราบชื่อต่อมาชื่อ นายเมฆ นามสมมติ ซึ่งเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุรปืน ฯ มาก่อน


จากการสอบถามนายเมฆ รับว่าได้เสพยาบ้ามาเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม จำนวน 2 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอทำการตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงตรวจสอบปัสสาวะพบจผลเป็นบวก จึงได้นำตัว ไปที่ สภ.เรือง และทำบันทึกที่เกี่ยวข้อง จากการสอบถาม นายเมฆ ให้การว่าตนมีอาการเป็นไข้ ทำให้ ตำรวจ เกรงว่า อาจจะติด เชื้อโคโรนาไวรัส 2019 จึงให้นายเมฆ นั่งท้ายกระบะตำรวจ


จากนั้นได้ขับรถออกจากที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงถนนภายในหมู่บ้านม่วงเจริญราษฎร์ ต.บ่อสวก เป็นจังหวะที่นายเมฆ  ถือโอกาสกระโดดลงจากท้ายกระบะรถ แต่มือไปเกี่ยวกับเชือกรถจักรยานยนต์ ท้ายกระบะ เป็นเหตุให้นายเมฆ  ติดอยู่ข้างรถด้านซ้ายไปประมาณ 10 เมตร จนท.ตำรวจจึงได้หยุดรถตรวจสอบ และพบว่านายเมฆ ได้รับบาดเจ็บบริเวณเท้าทั้งสองข้าง


จึงได้ให้การช่วยเหลือและได้เรียกหน่วยกู้ภัยมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น และเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถามว่า เหตุใดจึงกระโดดลงจากรถ ทางนายเมฆอ้างว่าเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดมาก่อน จึงกลัวความผิด จึงได้กระโดดลงรถเพื่อจะหลบหนี ต่อมาได้นำนายเมฆ ฯ ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่าน ตำรวจได้เดินทางไปดูอาการนายเมฆ  ซึ่งมีอาการบาดเจ็บสามารถพูดคุยได้ จึงได้จัดทำบันทึกสอบถามสาเหตุที่กระโดดลงจากท้ายกระบะรถและไม่ติดใจในการได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้


โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่งจับภาพนาทีที่นายเมฆ มีสภาพหมดสติและห้อยอยู่บริเวณข้างรถกระบะโดยมีมือข้างซ้ายถูกใส่กุญแจมือติดอยู่กับรถและขาลากครูดกับถนน


ขณะที่ หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ระหว่างที่ขายของอยู่หน้าบ้าน ก็เห็นรถกระบะขับผ่านมาสังเกตเห็นว่าท้ายรถมีอะไรห้อยอยู่แว้บๆ ตอนแรกเข้าใจว่าเสื้อผ้า แต่พอสังเกตดูดีๆ ปรากฎว่า เป็นคนลักษณะไม่ได้สติเหมือนตายแล้ว รู้สึกตกใจจึงออกมาดูก็ไม่ทันเห็นรถขับผ่านไปแล้ว



สักพักก็เห็นรถขับผ่านกลับมาแล้วไปจอดหน้าสถานนีอนามัยแล้ว จนท.กู้ชีพ อบต.บ่อสวก ก็มารับไปรักษาตัวต่อ ส่วนที่ทางตำรวจแถลงว่าตกรถมา 10 เมตร ตนว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมีคนเห็นหลายคนว่าห้อยอยู่ข้างรถมาไม่ต่ำกว่า 500 เมตร


ด้านมะนาว หลานสาวของนายเมฆ ได้เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า จากแถลงการของตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ขัดแย้งกับความเป็นจริงเกือบทุกอย่าง โดยเล่าว่าขณะจับกุมนายเมฆ ไม่ได้ขับรถอยู่และไม่ใช่การโบกจอดตามถนน ตอนนั้นนายเมฆอยู่บนกระท่อมเนื่องจากกำลังสีข้าวกันอยู่ โดยมีพยานมากกว่า 10 ปากยืนยันได้ว่ามาขอตรวจปัสสาวะขณะอยู่ที่กระท่อมเถียงนา กลับไปตั้งข้อหาว่า เสพยาเสพติดแล้วขับ และทำไมจับกุมตัวไปแล้วตั้งแต่เวลา 10.30 น. ตอนเอาตัวไปก็เอานั่งข้างใน แต่กลับแจ้งว่าจะไปรอจับผู้ต้องหาอีกคน แล้วเอานายเมฆ มานั่งกระบะท้ายใส่กุญแจมือปล่อยให้ตากแดดกี่ชั่วโมง เพราะจากการที่ไปไล่สอบถามจุดที่ชาวบ้านพบว่าคนตกรถคือเวลา 12.20 น.


และจากการที่ได้สอบถามนายเมฆ ได้เล่าให้ฟังว่า ไม่ได้โดดรถหนี แต่เนื่องจากไม่สบายและกินยาหลายอย่าง นายเมฆบอกว่ารู้สึกหน้ามืด แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย  จนกระทั่งมีคนเห็นว่ารถลากร่างนายเมฆมาประมาณ 2.4 กม.  รวมทั้งตร.ให้นายเมฆ เซ็นยินยอมว่าไม่เอาเรื่องทั้งที่ยังป่วยยังไม่คืนสติ  มันชอบด้วยกฏหมายหรือเปล่า รวมทั้งการกระทำเป็นการประมาทหรือกระทำเกินกว่าเหตุไหม


ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผบก.จ.น่าน เปิดเผยว่า หลังจากทราบเรื่องแล้วได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพร้อมให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย


ด้านผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายตำรวจชุดสืบสวนท่านหนึ่งของจังหวัดน่าน ถึงกรณีดังกล่าว นายตำรวจดังกล่าวไม่ขอให้ความคิดเห็น แต่ให้ข้อปฏิบัติตามยุทธวิธีการควบคุมขนย้ายผู้ต้องหาว่า ควรกระทำและใช้กำลังให้สมควรแก่คดี การควบคุมในรถก็ควรเปิดกลไกลที่ประตูให้เปิดจากด้านนอกได้อย่างเดียว และควรมีเจ้าหน้าที่นั่งประกบไปด้วย


ส่วนการนั่งกระบะท้ายควรให้นั่งราบกับพื้นกระบะและควรมีเจ้าหน้าที่นั่งประกบไปด้วย หากสงสัยว่าผู้ต้องหาติดโควิด เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมควรอยู่เหนือลม รวมทั้งการใช้เครื่องพันธนาการก็ให้เหมาะสมแก่เหตุว่าคดีร้ายแรงรุนแรงจนผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไม่ ทั้งนี้การควบคุมขนส่งผู้ต้องหาเป็นยุทธวิธีที่ไม่ตายตัว แต่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและไม่เป็นการละเมิดสิทธิ์เกินขอบเขต

https://youtu.be/HZ8C71P8RJ8

คุณอาจสนใจ

Related News