ผู้ปกครองเดือด ครูประจำชั้นต่อว่าไม่ช่วยงานกฐิน 20 บาท ควรไปเรียนที่อื่น

วันนี้ (27 ก.ย.65) ผู้ปกครองนักเรียนคนหนึ่ง ที่ บ้านหนองเต่า ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้โฟสต์ระบายความในใจลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า "คือดิฉันงง กับคุณครูมาก ลูกชายคนโตเรียน ชั้น ม.1#ห้องคิง


แต่คุณครูบอกว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองเรื่องการบริจาคเงินเพียงแค่ 20 บาท ถึงขั้นว่าให้เด็กย้ายโรงเรียนเลยหรอ กูว่าครูแหละมึงควรย้าย ประสาทมากหลายรอบละ ไปเน้นเรื่องการสอนดีกว่าไหมครู "


พร้อมโพสต์รูปแชตของครูจากกลุ่มไลน์ห้องเรียน ว่า เรียนผู้ปกครองนักเรียน ม.1/1 ครูได้ขอ ให้นักเรียนทำบุญ คนละ 20 บาท 37 คน 740 บาท ครูร่วม ทำบุญ อีก 260 บาท รวม 1,000 บาท กฐินกองละ 1,000 บาท ห้องอื่นเค้าเก็บนักเรียน คนละ 100 บาท ได้ 2,000 กว่าบาท ห้องม.1/1 ครูเก็บคนละ 20 บาท ยากเหลือเกิน ไม่เคยนึกเลยว่านักเรียนและผู้ปกครองจะไม่ให้ความร่วมมือในสิ่งที่ครูขอร้อง รู้สึกผิดหวังมากๆ ต้องทวง ต้องถาม ต้องตามตลอด หวังว่า สอบเสร็จภาคเรียนที่ 1 ผู้ปกครองและนักเรียนคงพิจารณา ว่าโรงเรียนไหนที่เหมาะกับนักเรียนนะคะ


หลังจากที่ผู้ปกครองได้ข้อความนี้บนเฟซบ็กแล้ว ชาวโซเชียลได้เข้ามาแชร์ และแสดงความเห็นกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่พากันต่อว่าคุณครู


เรื่องนี้ผู้สื่อข่าว ได้พบกับ ผู้ปกครองของนักเรียน และพ่อแม่ของเด็กเรียน โดยพ่อของเด็ก บอกว่า เบื้องต้นคุณครูได้ให้ทำบุญคนละ 20 บาท แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง ซึ่งยอดรวมทั้งหมดแล้วเก็บได้เพียง 740 บาท ในแชตบอกว่าผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือ ก่อนที่สุดท้ายจะบอกว่าเด็กควรจะเรียนที่นี่ต่อไหม


ทำให้ผู้ปกครองไม่พอใจ เนื่องจากค่าเล่าเรียน ตนก็จ่ายเองทั้งหมดทุกอย่าง ซึ่งการทำบุญมันควรแล้วแต่ศรัทธา พร้อมตั้งคำถามว่าถ้ามีลูกเรียน 3 ระดับชั้น จะจ่ายเท่าไหร่ ซึ่งตนมีลูกเรียนที่โรงเรียนนี้ 2 คน จึงอยากให้ทำบุญตามศรัทธา ไม่ใช้บังคับคนละ 20 บาทแล้วมาต่อว่าผู้ปกครอง มาพูดว่าสมควรให้เด็กเรียนต่อดีไหม สมควรว่าอย่างนี้หรือเปล่า ตนว่าเราควรไปดูเรื่องไม่หนีเรียน ดูการเรียนการสอนดีกว่า เรื่องการเรียนการสอนน่าจะดี จะมากลัวเสียหน้าเรื่องทำบุญมันใช่เรื่องหรือไม่


หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบคุณครู คนที่ผู้ปกครองพูดถึง ที่โรงเรียน ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้พบกับครู นวลพรรณ ครูประจำชั้นเรียน ม.1/1 ซึ่งครูได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ผู้ปกครองเอาเรื่องไปโพสต์ในโซเชียล ก็ได้ไลน์ส่วนตัวมาขอโทษครู ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไม เพราะอะไร และผู้ปกครองบอกว่าเก็บเงินไม่ได้ 20 บาท ให้พิจารณาไปเรียนที่อื่น ประเด็นนี้ครูก็เข้าใจว่า ผู้ปกครองเขาเข้าใจว่าอย่างไร แต่พอโพสต์แล้วก็ส่งไลน์มาขอโทษคุณครู


คุณครูยอมรับเองว่า เป็นคนพูดเรื่อง 20 บาทจริง แต่สิ่งที่ทำไปแล้วมันจบควรแล้ว สิ่งที่เขาทำแล้วมาขอโทษครู ครูมองว่าไม่สมควร เขาควรมาถามครูด้วยตัวเองว่า ทำไม เป็นอย่างไร แบบไหน ทำไมเป็นอย่างนี้ ในฐานะเป็นผู้ปกครองกับคุณครู มีเรื่องอะไรก็มาหามาถามกัน


ครูเข้าใจว่าโลกโซเชียล มันไปเร็วมาก มีอะไรก็โพสต์ระบาย แต่คราวนี้เป็นเรื่องในห้องไลน์ส่วนตัว มีอะไรให้มาถามครูได้ สิ่งที่ตั้งใจคือให้มาร่วมทำบุญ ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น


แต่ครูไม่เข้าใจว่าเมื่อผู้ปกครองเขาโพสต์เสร็จก็ส่งมาไลน์ส่วนตัวมาขอโทษครู ระบุว่าผู้ปกครองไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้


ส่วนประเด็นที่บอกว่าให้หาโรงเรียนที่เหมาะสมกับนักเรียน ครูคิดว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องอะไร เพราะไม่ได้จะไล่ เพียงแต่ว่า บางครั้งเราตั้งกฎเกณฑ์อะไรขึ้นมา เราก็อยากได้ตามที่เราตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้ แต่กรณีอย่างนี้ถ้าคิดว่าครูจะไล่ออกมันไม่ใช่


ส่วนคำว่าควรพิจารณา ครูคิดว่าองค์กรเรามีกฎมีเกณฑ์ ถ้าผู้ปกครองคิดว่าสิ่งที่เขาอยู่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องกับลูกของนักเรียน เขาก็สามารถย้ายโรงเรียนได้ แต่ไม่ได้ว่าจะไล่ออก เป็นความพอใจของผู้ปกครอง


ครูยืนยันไม่ได้บังคับ ขู่เข็ญเขา แต่ขอให้นักเรียนมาร่วมมือกันคนละ 20 หากไม่พอครูก็จะช่วยออกสมทบให้