สังคม

เตือนภัย! แก๊งตบทรัพย์ขึ้นบีทีเอส ล้วงกระเป๋าเป้ รูดบัตรเครดิต เหมาไอโฟน 13 หมดไปเกือบ 5 แสนบาท

โดย nattachat_c

24 ส.ค. 2565

238 views

วันที่ 23 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกเฟซบุ๊ก Mena Boonchu Goeking ได้โพสต์เตือนภัย หลังสามีถูกคนร้ายฉกบัตรเครดิตบนรถไฟฟ้าบีทีเอส ก่อนไปรูดซื้อโทรศัพท์มือถือ สูญไป 5 แสนบาท


โดยระบุข้อความว่า "เตือนหนักมาก ขึ้นรถไฟฟ้าBTS หากมีเป้ ขอให้สะพายด้านหน้าเท่านั้น โดนมาแล้ว สามีถูกกระแทก 2 ครั้ง (ขโมยหยิบบัตรเครดิต ไปรูดวันเดียวเกือบ 5 แสน) คือหันไปดูเป้ก็เปลี่ยนทิศทางหมุนไปตามตัว พวกนี้ก็จะล้อมรอบตัวเรา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"


ประจวบกับโทรศัพท์แบตเตอรี่หมด มาเปิดมือถือ แป๊ปเดียวข้อความขึ้นมาให้ไปกดรับ point จากการช็อปปิ้ง ช็อคสิคะ! แต่งง!มากกับระบบของทางร้านแต่ละที่ ที่มิจฉาชีพไปรูดบัตร ตำรวจตามไปดู เป็นผู้หญิง แล้วบัตรเป็นผู้ชาย ให้ผ่านได้อย่างไร? และทุกร้าน มันไปเหมาไอโฟน 13 รุ่นล่าสุด กรรม!!


ได้ต่อว่าผู้จัดการร้านและพนักงานไปหลายคำ ไม่ตรวจสอบบัตรประชาชน หรือหลักฐานอะไรเลย จะเอาแต่เงินอย่างเดียว มิจฉาชีพ ขอให้ได้รับกรรม ส่วนร้านที่ให้รูดบัตร รับโทษไปตามระเบียบ


ล่าสุดทีมข่าวได้สอบถามไปยัง คุณมัญชุมาศ ภรรยาผู้เสียหาย ได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากแจ้งความที่ สน.ทองหล่อแล้ว ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้ที่ก่อเหตุนั้นเป็น แก๊งล้วงกระเป๋าที่มีลักษณะเป็นขบวนการซึ่งมีผู้ร่วมขบวนการอย่างน้อย 5 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการก่อเหตุเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาบริเวณประตูน้ำ



ขณะที่คุณมัญชุมาศ ยังเล่าว่า วันเกิดเหตุสามีได้เดินทางโดยรถไฟฟ้าซึ่งตอนเกิดเหตุน่าจะอยู่ราวๆสถานี อโศก – พร้อมพงษ์ เวลาตอน หัวค่ำของวันที่ 18 ส.ค. โดยจะมีกลุ่มคนยืนรอบๆ ตัว เหมือนกับผู้โดยสารปกติแต่จะมีคนหนึ่งเริ่มกระแทกกระเป๋าเป้อย่างแรง จนทำให้สามีหันหลังไปดูว่าเกิดอะไร


ต่อจากนั้นก็จะมีคนอีกคนก่อเหตุลักษณะเดียวกันซึ่งการก่อเหตุลักษณะนี้จะทำให้ผู้เสียหายเบี่ยงเบนความสนใจจากคนอื่น กลุ่มผู้ก่อเหตุจึ่งใช้จังหวะนี้ก่อเหตุเอาบัตรเคดิตในกระเป๋าไป พอถึงบ้านสามีเองก็ไม่ได้เอะใจเพราะนึกว่าบัตรอยู่ที่ภรรยาจึงไม่ได้สอบถาม จนกระทั่งวันที่ 19 เอาโทรศัพท์ไปชาร์จปรากฏว่ามี SMS แจ้งเข้ามาจึงทราบว่าบัตรถูกขโมยไป


ช่วงเวลาเดียวกันหลังจากกลุ่มผู้ก่อเหตุนี้ได้บัตรไปแล้วก็ลงมือทันทีใน วันที่ 18-19 ส.ค. โดยในวันที่ 18 ส.ค. มีการรูดซื้อสินค้าไปทั้งหมด 7 ครั้ง

  • เวลา 19.26 น. โดนรูดซื้อ ไอโฟน 13 ที่ร้าน Studio 7 จำนวนเงิน 178,000 บาท
  • เวลา 19.34 น. โดนรูดเสื้อผ้า ที่ร้าน queen of casual สุขุมวิท ราคา 2,720 บาท
  • เวลา 19.49 น. โดนรูดซื้อ ไอโฟน 13 ที่ร้าน Bigc Rama 4 จำนวนเงิน 83,180 บาท
  • เวลา 20.04 น. โดนรูดซื้อเสื้อผ้า ที่ร้าน Giorado Bigc Rama 4  ราคา 5,590 บาท
  • เวลา 20.38 น. โดนรูดซื้อ ไอโฟน 13 ที่ร้าน Central silom จำนวนเงิน 93,000 บาท
  • เวลา 20.58 น. โดนรูดซื้อ ไอโฟน 13 ที่ร้าน Central silom จำนวนเงิน 40,690 บาท
  • เวลา 21.22 น. โดนรูดซื้อของใช้ ที่ร้าน Watson Central silom จำนวนเงิน 7,747 บาท
  • โดยในวันที่ 19 ส.ค. มีการรูดซื้อสินค้าไปทั้งหมด 1 ครั้ง เวลา 10.45 น. โดนรูดซื้อของใช้ ที่ร้าน  7-11 จำนวนเงิน 10 บาท
  • รวมทั้งหมด 410,937 บาท


หลังจากที่ผู้ก่อเหตุได้เอาบัตรไปใช้ตนจึงให้สามีโทรไปอายัดบัตรทันทีพร้อมกับถามเรื่องวงเงินที่มีการใช้ไปว่า ทั้งหมด 410,937 บาท จะทำอย่างไรตอนนั้นตนได้คำตอบจากคอลเซ็นเตอร์ที่บอกว่าลูกค้าจะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมดตอนนั้นช็อกมากว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้  


ล่าสุด ได้มีการแจ้งความไว้แล้วที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อพร้อมยืนยันจะต้องดำเนินดคีให้ถึงที่สุด ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่รวมไปถึงร้านค้าที่รับชำระบัตรเครดิตด้วย เพราะไม่มีการเช็กเลยหรือว่าชื่อคนในบัตรเป็นชาวต่างชาติ เป็นผู้ชายด้วย แต่ผู้ก่อเหตุที่เป็นคนมาซื้อเป็นผู้หญิง ประเด็นนี้ทำไมถึงไม่ตรวจสอบ อีกทั้งลายเซ็นที่ลงนามในใบเสร็จตอนจ่ายเงิน ยังไงก็ไม่เหมือนแล้ว


ขณะที่ตำรวจระบุว่าตอนนี้รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้วเบื้องต้นเป็นกลุ่มต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ที่เป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนจะไปเชื่อมโยงกับขบวนการล้ววกระเป๋าที่มีการระบาดช่วงปลายปีที่แล้วหรือไม่ต้องรอข้อมูลกับตำรวจสืบสวนก่อนพร้อมกับยืนยันว่าตำรวจมีวงจรปิดทุกจุด บนรถไฟฟ้าตอนก่อเหตุ และตอนซื้อด้วย และคาดว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีเร็วๆ นี้


ขณะที่ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าในคดีนี้แบ่งออกเป็น 2 คดี คือ คดีแพ่งและคดีอาญา โดยผู้ต้องหาในดดีนี้คือกลุ่มผู้ก่อเหตุและร้านค้า เพราะร้านค้าเองมีความประมาทไม่เช็กให้ดีว่าบัตรเครดิตที่กลุ่มผู้ก่อเหตุนำมาใช้เป็นของผู้เสียหาย ดังนั้น จึงเป็นการทำธุรกรรมที่ไม่สมบูรณ์ ขณะที่เรื่องวงเงินบัตรเครดิตที่กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการใช้ไปนั้น ผู้เสียหายไม่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเพราะถือว่ามีการแจ้งอายัดโดยสมฐูรณ์ห ลังจากทราบเรื่อง และผู้ใช้บัตรไม่ได้เป็นผู้ใช้เองด้วย



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/jt-cERDU9tY

คุณอาจสนใจ

Related News