สังคม

เตือนภัย เทรนด์วัยรุ่นลิ้นสีฟ้า พบตัวยาขายเกลื่อนโซเชียล อย.เตือนผู้เสพ-โฆษณา-ขาย มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ

โดย paranee_s

15 ส.ค. 2565

705 views

เพจอีซ้อขยี้ข่าว โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วัยรุ่นลิ้นฟ้า...ระบาดอย่างหนักในวัยรุ่นกับการใช้ยาชนิดหนึ่งซึ่งฤทธิ์แรงมากกว่ายาบ้า ยาไอซ์ ใช้เกิน 1 เม็ดเสียชีวิตไปแล้วหลายคน ตอนนี้วางขายเกลื่อนว่อนเน็ต แผงหนึ่งไม่ถึงร้อย ออกฤทธิ์แรงช่วยให้เคลิบเคลิ้ม ล่องลอย เกิดภาพหลอน รู้สึกดีเมื่อมีคนสัมผัส เกิดอารมณ์ ไม่ยิ้มไม่หัวเราะ หากเสพหนักเท่ากับนัดยมทูตมาสนุกด้วยโดยไม่ต้องรอจบงานก็รับตัวไป...


ซึ่งวัยรุ่นลิ้นฟ้า ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง หลังตำรวจจับกุมนายมอส คลองขวาง อายุ 25 ปี วัยรุ่นใช้อาวุธปืนยิงถล่ม 16 นัด จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ในพื้นที่ สน.หนองค้างพลู เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา


โดยเพื่อนผู้บาดเจ็บให้ข้อมูลว่า มอส คลองขวาง มีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง และชอบเคี้ยวยาโรฮิบนอล 542 หรือยาลิ้นฟ้าตลอดเวลา จนเกิดอาการหลอน ทำให้กลุ่มเพื่อนไม่อยากคบด้วย และพยายามตีตัวออกห่าง ประกอบกับมีเรื่องขัดแย้งกันจนนำไปสู่การก่อเหตุยิง


การใช้ยาโรฮิบนอล 542 ถูกตั้งคำถามว่า มีส่วนทำให้ผู้ก่อเหตุรายนี้ มีพฤติกรรมประสาทหลอนร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากยาชนิดนี้เป็นยาควบคุม และจัดอยู่ในวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2พบมีการลักลอบขายยาชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ในกลุ่มวัยรุ่น จนเกิดแฮชแทก #วัยรุ่นลิ้นฟ้า542

ทางด้านหมอสิทธา เผยว่า ยาลิ้นฟ้าหรือโรฮิบนอล 542 เป็นกลุ่มยาคลายกังวล มีฤทธิ์กดประสาท เป็นยาต้องห้าม ซื้อขายไม่ได้ เพราะผลข้างเคียงรุนแรงถึงขั้นหายใจไม่ออก จนเสียชีวิต แม้จะมีสรรพคุณคลายวิตกกังวลจริง ออกฤทธิ์เร็ว ใน20-30 นาที และอยู่ในร่างกายยาวนาน เมื่อเสพมากก็จะมีอาการหลอน จึงขอเตือนภัยวัยรุ่นอย่าคิดลอง โดยเฉพาะกลุ่มนักเที่ยว เพราะมีโทษมากกว่า ส่วนเม็ดยาลักษณะสีฟ้า ที่นิยมอมและเคี้ยว ถือว่า เป็นวิธีการที่ได้รับยาต่อเนื่อง ผิดวิธี ส่งผลกระทบไม่ดีต่อร่างกาย


ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ระบุว่า โรฮิบนอล (Rohypnol) หรือชื่อสามัญทางยา คือ funitrazepam จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 พ.ศ. 2565 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด



ซึ่งข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ใช้สำหรับรักษาอาการนอนไม่หลับอย่างรุนแรง มีฤทธิ์บรรเทาอาการวิตกกังวล สงบประสาท ทำให้นอนหลับ สูญเสียความทรงจำชั่วขณะ คลายกล้ามเนื้อ ต้านการชัก และกดระบบการหายใจ ดังนั้นผู้ใช้ยานี้ จำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ภายใต้คำสั่งแพทย์


ซึ่งยาตัวนี้จะออกฤทธิ์เร็วหลังรับประทานหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทำให้นอนหลับ ภายในเวลา 20-30 นาทีหลังการรับประทานยา และฤทธิ์จะอยู่นานประมาณ 8-12 ชั่วโมง


สำหรับในประเทศไทย ผู้มีสิทธิสั่งจ่ายยาชนิดนี้ จะต้องเป็นแพทย์ ทันตแพทย์ และสัตวแพทย์เท่านั้น สถานพยาบาลที่จะสั่งจ่ายยานี้ได้ ต้องได้รับอนุญาตขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ห้ามไม่ให้ขายในร้านขายยาทั่วไป และผู้ที่จะใช้ยานี้ได้ต้องใช้ตามคำสั่งของแพทย์


อาการไม่พึงประสงค์หรืออันตรายจากการใช้ยาที่พบบ่อยๆ ได้แก่ ง่วงซึม มึนงง เดินเซ ปวดศีรษะ และความจำในระหว่างที่ได้รับยาลดลง การตัดสินใจไม่ดี ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการสั่นและฝันร้าย ดังนั้นจึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานอื่นที่ต้องการความตื่นตัว อาจมีอาการนอนไม่หลับ ประสาทหลอน พฤติกรรมผิดปกติ การใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้เกิดภาวะติดยาได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อหยุดยา จะทำให้เกิดอาการถอนยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เปลือกตากระตุก สั่น เป็นต้น ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันนาน เกิน ๑ เดือน


บทกำหนดโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด หากจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต คือจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 7 แสนบาท



หากโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



หากเสพโดยไม่ได้รักษาโรคตามคำสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


และผู้ใดที่จูงใจ ชักนำ ยุยงส่งเสริม ใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังบังคับ ให้ผู้อื่นเสพวัตถุออกฤทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


คุณอาจสนใจ

Related News