อาชญากรรม

ปริศนา กู้ภัยทางหลวงทิ้งศพคารถนาน 12 ชม. ด้านญาติไม่ติดใจเอาเรื่อง ขอยกเป็นเคสตัวอย่าง

โดย petchpawee_k

11 ส.ค. 2565

40 views

สุดงง กู้ภัยทางหลวงมอเตอร์เวย์ ตรวจสอบอุบัติเหตุ ไม่พบผู้เสียชีวิต ลากรถมาไว้โรงพักผ่านไป12 ชม พบศพ ผู้เสียชีวิต ด้านกู้ภัยที่ไปเก็บศพ ยัน มองด้วยตาเปล่าก็เห็นว่ามีร่างผู้ตายนั่งที่เบาะคนขับ ขณะที่ตำรวจ ระบุ ยังไม่ให้ข้อมูล ไม่มีการชี้แจง เพราะต้องทำงานอื่น ด้านญาติผู้เสียชีวิตรอผลชันสูตรศพ ระบุ ทั้งวันตามหาพ่อแต่ไร้ร่องรอย


เป็นเหตุที่เรียกว่าหลายคน งง ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร กรณีกู้ภัยทางหลวงมอเตอร์เวย์ ไปตรวจสอบอุบัติเหตุ รถเก๋งชนแบริเออ แล้วต่อมา พบว่า ในรถคันนี้ มีร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ในซากรถที่ประสบอุบัติเหตุ ก่อนจะมาเจอผ่านไป 12 ชั่วโมง


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ช่วงเช้าวันที่ 9 ส.ค. เวลา 07.45 น. เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำ กลางถนนมอเตอร์สาย 7 ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 ชลอ. โดยสภาพรถพุ่งชนแบริเออ อยู่บริเวณเกาะกลางถนน สภาพรถด้านหน้าและด้านหลังได้รับความเสียหาย


จุดนี้ เป็นความรับผิดชอบของกู้ภัยทางหลวงมอเตอร์เวย์ จึงนำกำลังพร้อมรถอุปกรณ์ มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ จะเห็นว่า มีภาพของเจ้าหน้าที่ เข้าไปส่องใกล้ๆ บริเวณประตูข้างคนขับ แบบประชิดประตู และก็เดินไปประตูหลังด้านซ้าย  แล้วก็เดินไป ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ถนนมอเตอร์เวย์ หากไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็จะไม่ประสานกู้ภัยข้างนอก จะเป็นการทำงานของกู้ภัยมอเตอร์เวย์ดำเนินการเอง


จากนั้น ทีมกู้ภัยมอเตอร์เวย์ก็ นำรถยก เคลื่อนย้ายรถคันนี้ไปไว้ที่ จุดเก็บของกลางทางหลวงเขาเขียว ซึ่งขณะนั้นกู้ภัยมอเตอร์เวย์ รายงานกับตำรวจว่า ไม่พบผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ


เวลาผ่านไปตั้งแต่เช้าเกิดเหตุ จนถึงช่วงค่ำ ขณะนั้น พนักงานสอบสวน เดินมาที่รถคันเกิดเหตุเพื่อดูเอกสารรถ เพราะไม่มีญาติ หรือบริษัทประกันติดต่อมา และพบร่างผู้เสียชีวิต นั่งอยู่บริเวณเบาะคนขับ


จึงเป็นที่มาของคำถามว่า ผ่านมา 12 ชม ทำไมไม่มีใครเห็นและตั้งสันนิษฐานว่า หากผู้เสียชีวิต ยังไม่เสียชีวิตทันที ในที่เกิดเหตุ ก็จะสามารถช่วยชีวิตได้ เป็นประเด็นที่สร้างความสงสัยและงงให้กับสังคม


วานนี้ ทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ พบว่า บริเวณนี้บริเวณที่เกิดเหตุ เกาะกลางถนนมอเตอร์สาย 7 ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 ชลอ. ยังคงพบเศษซากชิ้นส่วนรถบางส่วนตกอยู่ที่เกาะกลางถนน โดยบริเวณถนนตรงนี้ มีทางโค้งเล็กน้อย ส่วนรถที่ขับผ่านไปมา ก็ขับกันมาด้วยความเร็ว


ทีมข่าวได้มาที่ สถานีตำรวจทางหลวงเขาเขียว เเต่ไม่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบถามข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์จาก พ.ต.ท.รัตพล วรรณะ รอง ผกก.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล.เขาเขียว เจ้าของคดี เวลา 14.01 น. ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ยังไม่มราบสาเหตุ และไม่มีข้อมูลอะไรจะให้กับผู้สื่อข่าว เมื่อถามว่า กรณีนี้ กู้ภัยมอเตอร์เวย์บกพร่องหรือไม่ หรือเกิดจากอะไรทำไมมองไม่เห็น พ.ต.ท รัตพล ตอบว่า ไม่มีข้อมูล และมีงานอื่นต้องทำ ซึ่งหลายสำนักข่าว โทรหาในช่วงบ่าย พ.ต.ท รัตพล ก็ตอบเหมือนกันว่า “มีงานอื่นต้องทำ”


จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่จุดกู้ภัยมอเตอร์เวย์ บริเวณทางหลวงมอเตอร์เวย์+100  จุดนี้เป็นหน่วยของกู้ภัยมอเตอร์เวย์ แต่ไม่มีใครให้ข้อมูล มีแต่เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพนักข่าวที่ไป ขอข้อมูล


 สอบถาม คุณธีระพงษ์ ทรัพยา และคุณเจษฎา ชัยบุตร หัวหน้าจุด บายพาส 2 มูลนิธิเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา (เสื้อเหลือง) อาสาที่เข้าไปช่วยขณะเกิดเหตุ เล่าว่า พื้นที่เกิดเหตุในมอเตอร์เวย์ หากไม่มีคนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต กู้ภัยด้านนอกจะเข้าไม่ได้ กรณีเหตุนี้เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ทางกู้ภัยมอเตอร์เวย์บอกว่า ยกเลิก ไม่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ตนไม่เชื่อเพราะไม่พบข้อมูลว่า มีใครรับผู้บาดเจ็บไปส่งรพ. และความเป็นจริง ไม่มีใครเดินออกจากมอเตอร์เวย์ได้ สภาพรถขนาดนี้ ต้องมีคนได้รับบาดเจ็บ จึงปีนรั้ว จะเข้าไปดู แต่ต้องยกเลิก เพราะเข้าพื้นที่ไม่ได้


ซึ่งส่วนตัวทำงานกู้ภัยมากว่า 20 ปี เหตุเกิดแบบนี้ ต้องละเอียด และมองเข้าไปในรถ หากไม่ชัดเจน ก็ต้องส่องแสงสว่าง จึงไม่เข้าใจกรณีนี้ว่า ทำไมถึงมองไม่เห็น และคาใจว่า หากคนที่เสียชีวิต เขายังไม่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อาจจะช่วยชีวิตได้


ประเด็นการมองไม่เห็นร่างผู้เสียชีวิตนี้ ยังเป็นข้อสงสัย ทีมข่าวสอบถาม นายไพฑูรย์ ฉิมคีรี หน่วยกู้ภัยประทีป 4 สมาคมพุทธมามกสว่างประทีปธรรม คนที่ไปเก็บศพ ช่วงค่ำเปิดเผยว่า ทันทีที่ไปถึงที่เกิดเหตุ จุดเก็บของกลาง มองด้วยตาเปล่าบริเวณประตูฝั่งข้างคนขับ เห็นคนเสียชีวิตชัดเจน นอนอยู่ที่เบาะคนขับ แต่มีเสื้อผ้าทับร่างไว้ และที่ใบหน้ามีชิ้นส่วนคอนโทรลรถ ปิดใบหน้า เห็นแค่ช่วงหน้าผาก แต่ที่ข้อมือ เห็นชัดเจน  


 พวกตนไปเก็บศพตอนกลางคืน มองด้วยตาเปล่า ทุกคนเห็นว่ามีศพภายใน จึงไม่เข้าใจว่า เหตุใดกู้ภัยของมอเตอร์เวย์ ทั่เกิดเหตุตอนกลางวัน มีแสงสว่าง จึงหาไม่เจอ


หากเปรียบเทียบภาพที่แชร์ เห็นว่ากู้ภัยมอเตอร์เวย์ ชะเง้อมองที่กระจก จุดเดียวกันกับที่พวกตนดู แต่เขามองไม่เห็น อีกคนก็ดูด้านหลัง แล้วก็เดินไป เหตุการณ์นี้ จากประสบการณ์เก็บศพมา ตนมองว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่เห็นนอกจากความไม่ละเอียด รอบคอบ


ซึ่งตามปกติของกู้ภัย เวลาเกิดอุบัติเหตุ ต้องตรวจสอบให้ละเอียด โดยเฉพาะคนขับ อยู่ตรงไหน จุดไหน ซึ่งเหตุการณ์นี้ บาดแผลของผู้เสียชีวิต ไม่ได้มีแผลฉกรรจ์ หรือเสียเลือดมาก มีแค่แขน-ขา ผิดรูปเท่านั้น ก็เป็นไปได้ว่า ช่วงที่เกิดเหตุ อาจยังไม่เสียชีวิตทันที ถ้ารอบคอบ ละเอียดมากขึ้น เราก็จะช่วยชีวิตคนได้

----------------------------------------------------------


ลูกสาวไม่ติดใจ! พ่อวัย 68 ป่วยโรคไตขับเก๋งชนแบริเออร์ดับ ถูกทิ้งศพไว้ในรถ 12 ชั่วโมง เผย กำลังขับรถกลับบ้านที่ระยอง อยากให้เรื่องจบไม่อยากให้บานปลาย ขอให้เป็นเคสตัวอย่าง หากเจอรถเกิดอุบัติเหตุต้องตรวจสอบถี่ถ้วน 


กรณีอุบัติเหตุรถเก๋งชนแบริเออร์เกาะกลางถนนสายมอเตอร์เวย์ กม.ที่ 105 ฝั่งขาเข้าพัทยา เวลาประมาณ 7 โมงเช้า วันที่ 9 ส.ค. โดยกู้ภัยมอเตอร์เวย์สาย 7 เข้าตรวจสอบและเคลื่อนย้ายรถไปเก็บที่เก็บของกลาง กระทั่ง 1 ทุ่ม ไม่มีเจ้าของรถติดต่อมา ตำรวจจึงไปตรวจสอบเอกสารในรถ พบศพนอนขดตัวอยู่บริเวณเบาะคนขับใต้พวงมาลัยถูกปล่อยทิ้งไว้นานกว่า 12 ชั่วโมง ทราบชื่อผู้ตายคือ นายภัทรชัย อรรถพร อายุ 68 ปี


 ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ส่งศพมาชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ขอให้สัมภาษณ์แต่ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาแจ้งตอนเวลา 18.50 น. ของวันที่ 9 ส.ค.ว่าคุณพ่อประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต โดยก่อนเกิดเหตุ คุณพ่อไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล จังหวัดชลบุรี กำลังขับรถกลับบ้านที่ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง


 พร้อมระบุว่า ช่วงเวลาบ่าย 3 โมงของวันเกิดเหตุ ตนพยายามโทรศัพท์หาคุณพ่อแต่ไม่รับสาย เนื่องจากคุณพ่อจะต้องมาฟอกไตที่คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่มาบตาพุด ทางคลินิกโทรติดต่อหาคุณพ่อก็ไม่รับสายเช่นกัน จึงพยายามโทรหาคุณพ่อเรื่อยๆ โทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาแจ้งตอน 18.50 น.


ส่วนกรณีที่มีการวิพากวิจารณ์ว่ากู้ภัยมอเตอร์เวย์สาย 7 ไม่ตรวจสอบภายในรถให้ดีก่อนเคลื่อนย้ายรถไปไว้ที่เก็บของกลางและพบศพถูกทิ้งในรถ ตนไม่ติดใจ เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่อาจไม่กล้าเข้าไปค้นในรถ ซึ่งตำรวจทางหลวง สถานีย่อยเขาเขียว แจ้งกับตนว่าที่เพิ่งพบศพ เพราะตอนแรกที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์สาย 7 ไปพบส่องดูในรถไม่เห็นคน เห็นแต่กองเสื้อผ้าทับอยู่ที่เบาะ เขาเข้าใจว่ามีคนพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลแล้ว


ระหว่างวันจนถึงเย็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สถานีย่อยเขาเขียว เอะใจทำไมไม่มีญาติติดต่อมาหาเรื่องรถเกิดอุบัติเหตุหรือขอดูกล้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบเอกสารในรถเพิ่มเติม เพื่อดูข้อมูลติดต่อญาติ พอค้นก็พบศพอยู่ในรถ อย่างไรก็ตามตนได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจแล้วตั้งแต่คืนวันที่ 9 ส.ค.


ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ยังระบุอีกว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นตนขอให้ตำรวจเป็นคนให้ข้อมูล เพราะตนเองไม่สะดวกให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ อยากให้เรื่องจบไปไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ ตนเห็นข่าวเยอะแยะ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว อีกทั้งตำรวจให้ดูกล้องวงจรปิดไม่พบคู่กรณี โดยคุณพ่อขับรถประสบอุบัติเหตุเอง”


“ขอให้เรื่องนี้เป็นเคสตัวอย่าง หากกู้ภัยหรือใครที่เจอรถประสบอุบัติเหตุ อยากให้มีการตรวจสอบให้ละเอียด อย่าคิดไปเองว่ามีคนนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ต้องตรวจสอบถี่ถ้วนมากกว่านี้ อย่างกรณีนี้หากคุณพ่อยังไม่เสียชีวิตและมีคนไปพบให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที คุณพ่ออาจจะยังอยู่ก็ได้”

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/aO_WS-dWW24

คุณอาจสนใจ

Related News