อาชญากรรม

'เสี่ยบี' ตระเวนเยี่ยมญาติเหยื่อ หลังได้ประกันตัว - แม่จ่าเอกอโหสิกรรม แต่คาใจล็อกประตูทำไม

โดย nattachat_c

9 ส.ค. 2565

10 views

ศาลจังหวัดพัทยา ให้ประกันตัว “เสี่ยบี” เจ้าของผับมรณะ ตีราคาประกัน 300,000 บาท สั่งติดกำไล EM กำหนดเงื่อนไข ห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุร้าย และต้องมารายงานตัวเมื่อครบฝากขัง เจ้าตัว ยกมือไหว้ กล่าวขอโทษ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมเยียวยาทุกคน ขณะที่ พฐ. รื้อหลังคา ตรวจสายไฟ พร้อมนำช่างเดินระบบไฟชี้จุด ยันเดินไฟได้มาตรฐาน วันเกิดเหตุซ่อมแค่โคมไฟที่หลุดเท่านั้น ไม่ได้แตะต้องระบบไฟ


จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้สถานบันเทิง เมาท์เทน บี ริมถนนสายสุขุมวิท บางนา-ตราด ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ขณะที่มีนักท่องเที่ยวราตรีกำลังใช้บริการ 100 กว่าชีวิต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 38 ราย


วานนี้ (8 ส.ค. 65) เวลา 09.00 น. ตำรวจ สภ.ภูตาหลวง ได้ควบคุมตัวเสี่ยบี หรือ นายพงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ อายุ 27 ปี เจ้าของผับ ‘เมาน์เทน บี’ ออกจากห้องขังไปขออำนาจศาลจังหวัดพัทยา ฝากขังผลัดแรก โดยคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวนเนื่องจากเป็นคดีอาญา


หลังจากตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาไปตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 65 ในข้อหา กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำการสอบปากคำ ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ


โดยระหว่างที่ตำรวจคุมตัวเสียบี่ ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขัง เจ้าตัวได้ใช้ผ้าเช็ดตัวสีฟ้าคลุมศีรษะเดินออกจากห้องขัง ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านมา 4 วันแล้ว อยากพูดอะไรบ้าง เสี่ยบี ระบุว่า ได้ขอโทษผู้เสียชีวิต ญาติของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเยียวยาทุกคนอย่างเต็มที่ขอโทษ เสียใจ ไม่ได้ตั้งใจให้เหตุการณ์เกิดขึ้น

-------------

ต่อมา 15.00 น. ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว ตีราคาประกัน 300,000 บาท พร้อมทั้งติดกำไล EM โดยกำหนดเงื่อนไข

1.ห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุร้ายประการอื่น

2.ให้ผู้ต้องหามารายงานตัวเมื่อครบฝากขังครั้งที่ 2 ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 7


หลังได้รับการปล่อยตัวนายพงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี พูดกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ว่า “ผมขอโทษ ผมจะเยียวยาทุกอย่าง ผมออกไปจะเยียวยาทุกคน” ในท่าทางอาการยกมือไหว้ตลอดเวลา น้ำเสียงสั่นเครือและมีแววตาสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ก่อนจะนั่งรถขับออกจากศาลไปทันที


นาง อนงค์นาถ อายุ 31 ปี ภรรยาของ “เสี่ยบี” เปิดเผยว่า ก่อนจะถูกนำส่งตัวมาที่ศาลฯ ยอมรับว่าตนทำใจไม่ได้เช่นกัน ทั้งสามีต้องนอนคุกและการสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามขอน้อมรับความผิดทั้งหมด และจะเร่งเยียวยาคนตายและคนเจ็บทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้ก็เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว


ซึ่งหลังจาก เสี่ยบี ออกมา ก็ได้เริ่มทะยอยไปยังวัดต่างๆ เพื่อแสดงความเสียใจต่อญาติ และคุยกันเรื่องการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น

----------

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้นำ ช่างที่เคยติดตั้งระบบไฟฟ้าของ ผับ Mountain B เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว และเป็นช่างที่เข้ามาทำการซ่อมโคมไฟ ในวันที่ 4 ส.ค. ช่วงกลางวัน ก่อนเกิดเหตุ มาทำการชี้จุดภายในผับ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้


โดยช่าง ระบุว่า เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว เจ้าของร้านได้ให้ตนเองมาวางระบบไฟฟ้าภายในผับตั้งแต่มีการก่อสร้างร้าน ยืนยันว่า มีการวางระบบไฟได้มาตรฐานถูกต้อง และสายไฟมีฉนวนกันไฟฟ้า และภายในมีคัทเอ้าท์แยกหม้อแปลงไฟฟ้า ทั้งหมด 3 ตัว โดยแยกกันจ่ายไฟ มีขนาด 15 แอมป์ กำลังโหลด 45  ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการจ่ายไฟภายในร้าน


และในวันก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้มาซ่อมแซมโคมไฟ ที่หล่นลงมาเนื่องจากน็อตของโคมหลุด จึงได้เข้ามาทำการขันน็อตโคมไฟ จากนั้นได้ทดสอบการเปิดไฟอีก 2 รอบ รอบละ 5 นาที ซึ่งไฟติดปกติ โดยไม่ได้มีกลิ่น มีความผิดปกติ ซึ่งการเข้ามาซ่อมโคมไฟของตนเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าในวันก่อนเกิดเหตุ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ต่อไฟผิด จนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้


และจุดที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ ได้เน้นไปที่บริเวณด้านหลังลำโพงที่อยู่ฝั่งซ้ายของเวที ซึ่งไม่ใช่จุดเดียวกับที่ตนเองมาซ่อมโคมไฟ ทั้งนี้ตนเองได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว

-----------

นางสมใจ หินเธาว์ อายุ 52 ปี แม่ของจ่าเอกสมรัฐ หินเธาว์ อายุ 31 ปี สังกัด กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 21 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ (พัน สอ.21 กรม สอ.2 สอ.รฝ.) หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุโศกอนาฏกรรมไฟไหม้ เมาท์เทน บี


โดยญาติได้นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป มาเชิญวิญญาณของลูกชายกลับบ้าน โดยทำพิธีอยู่บริเวณด้านหลังผับฝั่งห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่จ่าเอกสมรัฐ เสียชีวิต โดยแม่ได้นำอาหารคาวหวาน น้ำดื่ม ผลไม้ที่ลูกชอบ มาตั้งให้ลูกกินให้อิ่ม ก่อนที่จะเอ่ยปากเรียกเชิญวิญญาณพร้อมทั้งน้ำตาว่า "เที่ยวพอแล้วก็กลับบ้านเรานะ แม่กับป้ามารับแล้ว ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา กลับบ้านไปด้วยกันนะ" สร้างความสลดหดหู่ใจ ซึ่งญาติตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดปรกฟ้า อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี


แม่ของผู้เสียชีวิต ยังระบุอีกว่า หลังเกิดเหตุมีตัวแทนของทางผับ ได้นำพวงหรีดมาแสดงความเสียใจพร้อมกับมอบเงิน 50,000 บาท ใส่ซองมาเยียวยาเบื้องต้น เป็นค่าทำศพ “ส่วนตัวคิดว่าเงินแค่นี้น้อยมาก ไม่เท่ากับความสูญเสียของครอบครัว ซื้อชีวิตไม่ได้ ลูกชายมีอนาคตอีกไกล อยากให้เจ้าของผับรับผิดชอบมากกว่านี้ รวมถึงคนเจ็บที่ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลด้วย”


ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หากเจ้าของผับมากราบขอขมาจะเอาโหสิกรรมให้หรือไม่ คุณแม่บอกว่า อโหสิกรรมให้อยู่แล้วไม่อยากผูกใจเจ็บแค้น แต่อยากให้รับผิดชอบมากกว่าที่ทำอยู่ ส่วนตัวยังคาใจเรื่องประตูหนีไฟ ทำไมไม่แจ้งว่ามีทางออกกี่ทาง ทำไมถึงต้องล็อกประตูทางหนีไฟเพื่ออะไร


ด้านนางสุตตา จันชา ป้าของผู้เสียชีวิต จุดธูปร่ำไห้บอกกับหลานชายว่า “ กินอิ่มแล้วให้กลับบ้านเราอย่ามามาอยู่ตรงนี้เลย เที่ยวสนุกเสร็จแล้วก็กลับบ้าน” พร้อมเผยว่า หลานชายเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี โดยวันเกิดเหตุเสร็จจากทำงานพิเศษ หลานชายเจอเพื่อนที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เพื่อนได้ชักชวนให้มาเที่ยวที่ผับเกิดเหตุ หลานชายตัดสินใจมาด้วย สุดท้ายต้องมาจบชีวิตจากเหตุดังกล่าว


หลังจากที่พระสงฆ์ได้นำสายสิญจน์มาทำพิธีเชิญวิญญาณเสร็จแล้ว ได้บอกให้ผู้เป็นแม่เรียกลูกชายกลับบ้าน พร้อมทั้งนำเหรียญโปรยทางไปจนถึงรถเก๋งที่นั่งมาเพื่อซื้อทาง ซึ่งแม่บอกว่ารถคันนี้เป็นรถของลูกชาย เพิ่งซื้อมาได้ 2 เดือน ด้วยน้ำพักน้ำแรง เก็บเงินซื้อเองทุกบาทไม่ได้รบกวนทางบ้าน แม่มีลูกคนเดียวรักลูกคนนี้มาก

------------
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าคดี หลังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบผับ ‘เมาน์เทน บี’ ซ้ำอีกครั้ง


โดยระบุว่าตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้ เพราะต้องรอการตรวจสอบจากอีกหลายฝ่าย ทั้งการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้สอบไปแล้วกว่า 30 ปาก รวมถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จาก เจ้าหน้าที่ พฐ. ภาค 2 ที่เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม


เนื่องจากวันแรกยังเกรงอันตรายจากโครงสร้างอาคารทรุดตัว และต้องใช้ความรอบคอบเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ส่วนตัวอาคารตอนนี้ยังคงประกาศเป็นพื้นที่ห้ามใช้อย่างไม่มีกำหนด


เบื้องต้นยังคงแจ้งข้อหานายพงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี เพียง 2 ข้อกล่าวหาเหมือนเดิม แต่หากตรวจสอบพบความผิดในเรื่องโครงสร้างอาคาร หรือระบบไฟฟ้าจริง ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มแน่นอน

------------

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) ได้เข้าสู่วาระการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่อง เหตุการณ์เพลิงไหม้สถานบันเทิงเมาน์เท่นบี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ถาม พล.อ.นุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่า การบริหารราชการแผ่นดินคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่ารัฐมนตรีทั้งหลายจะต้องรับผิดชอบ ดังนั้น ตนคงไม่บอกว่าไม่เกี่ยว แต่ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ทุกส่วนทำตามอำนาจหน้าที่โดยยึดประชาชนเป็นหลัก และยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส รับผิดชอบ ไม่มีผลประโยชน์ ไม่มีพวกพ้อง กรณีสถานประกอบการเมาน์เท่นบี เป็นอำนาจของท้องถิ่นในการให้อนุญาต ซึ่งตนไม่ได้กำกับท้องถิ่นโดยตรง คนที่กำกับท้องถิ่นคือผู้ว่าราชการจังหวัด ยกตัวอย่าง กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ทำอะไรก็ไม่เคยบอกตน ไม่ว่าจะขึ้นหรือลดราคาค่าโดยสารก็ตาม แต่ถ้าท่านไม่ทำความผิดอะไรตนไปยุ่งไม่ได้ เช่นเดียวกับท้องถิ่นที่เขาทำเป็นไปตามอำนาจหน้าที่หรือไม่ ถ้าไม่สุจริตหรือมีร้องเรียนก็ต้องมีการสอบข้อเท็จจริง


พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า กรณีเมาน์เทนบีเป็นการขออนุญาตท้องถิ่น ขอจดทะเบียนเป็นร้านอาหาร และเปิดกิจการเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่เมื่อดำเนินการจริงกลับเปิดเป็นสถานบริการ ดังนั้น ขั้นต้นท้องถิ่นต้องรับผิดชอบแน่นอน ส่วนผู้ประกอบการก็จงใจเจตนาที่จะดำเนินการ ทั้งที่พื้นที่ก่อสร้างอยู่ในเขตโซนนิ่งไม่สามารถได้ จึงขออนุญาตเป็นร้านอาหารถือเป็นการขอจดทะเบียนผิดประเภท ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หากพิจารณาตามกฎหมายที่ฝ่ายปกครองถืออยู่ ถือว่ามีความผิดด้วย สรุปว่าขณะนี้พิจารณาตามสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่ยังไม่ได้ดูผลการสอบ ทั้งสองส่วนคือท้องถิ่น และฝ่ายปกครอง จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย


ขั้นต้นมีคำสั่งย้ายนายอำเภอ พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ซึ่งเจตนากระทำผิดคอรัปชั่น มีผลประโยชน์ มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือปล่อยปละละเลยหรือไม่ จะต้องดำเนินการพิสูจน์กัน ซึ่งยืนยันว่า ผมไม่ปล่อยปละละเลย และได้ออกหนังสือเวียนทั่วประเทศให้กวดขันไม่ให้มีการใช้อาคารผิดประเภท หรือประกอบกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนอนาคตที่ผมคิดว่าจะต้องดำนินการ คงไม่พ้นเรื่องการลงโทษแบบเข้มงวด ต้องลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ให้เกิดการอะลุ่มอล่วย ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับเมาท์เทนบี ถือว่าเข้าข่ายผิดทั้งทางวินัย และอาญา





รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/8BjlMo6LEx8

คุณอาจสนใจ

Related News