สังคม

อนุทิน แจงการใช้ "ยาฟาวิพิราเวียร์" ยังจำเป็นในผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 18 ปี

โดย paranee_s

3 ส.ค. 2565

36 views

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงกรณีที่ไทยพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 3 ว่า ประเทศไทย มีมาตรการในการเฝ้าระวังควบคุมโรคฝีดาษลิงตามแผนกรมควบคุมโรคอยู่แล้ว โดยได้มีการกำชับการควบคุมโรคตามด่านควบคุมโรคต่าง ๆ ทั้งทางบกและทางน้ำและทางอากาศ พร้อมสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในการเฝ้าระวังดูแลตัวเอง


โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเตรียม พร้อมทั้งสถานพยาบาลรองรับผู้ป่วย รวมถึงได้จัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง และยารักษา ซึ่งได้มีการลงนามไปแล้ว


วัคซีนนี้จะเป็นการใช้ในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่นกลุ่มเสี่ยงสูง กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ เพราะยังไม่จำเป็น ต้องได้รับวัคซีนทุกคน


ขณะนี้ข้อมูลเบื้องต้นโรคฝีดาษลิง ยังคงพบในกลุ่มมีพฤติกรรมทางเพศที่นิยมเปลี่ยนคู่นอน และพบมากในกลุ่มรักร่วมเพศ จึงขอให้สังเกตอาการในกลุ่มนี้โดยเฉพาะ


ส่วนประเด็นเรื่องยารักษาโควิด 19 ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) จะมีการแถลงรายละเอียดการจับกุมการซื้อขายยาโมลนูพิราเวียร์เถื่อน ซึ่งพบการขายออนไลน์เป็นยานำเข้าจากอินเดีย


พร้อมย้ำว่ายาโมลนูพิราเวียร์ ยังเป็นยาควบคุมพิเศษ ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเป็นต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย ประชาชนไม่ควรคิดว่าจะรักษาตนเอง และหาซื้อยามาเก็บไว้ เนื่องจากเป็นยาต้านไวรัส หากป่วยหรือมีอาการให้พบแพทย์เพื่อประเมินอาการและรับยา


ทั้งนี้ นายอนุทิน ขอทำความเข้าใจกรณีรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 33 ที่นำเสนอข่าวตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมยังมีการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ อยู่ทั้งที่ยาโมลนูพิราเวียร์มีราคาถูกกว่า ยืนยันยาฟาวิพิราเวียร์ยังมีความจำเป็นในการสั่งจ่ายให้กับผู้ป่วยบางกลุ่ม โดยเฉพาะกรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากยาโมลนูพิราเวียร์ที่ข้อบ่งชี้การใช้ในผู้ป่วยอายุ 18 ปีขึ้นไปแล้ว


ส่วนในข่าวที่บอกว่าใช้ยาฟาวิพิราเวียร์แล้ว มีผลข้างเคียงต่อ ตับ ไต นายอนุทิน ยืนยัน ว่า ไม่เป็นความจริง หากการใช้ยานั้น เป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ ส่วนความเหลื่อมล้ำในการสั่งจ่ายยารักษาโควิด นายอนุทิน ยังยืนยันอีกว่า ไม่มีแน่นอนประชาชนมีสิทธิ์เข้าถึงการรับยาซึ่งต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์

คุณอาจสนใจ

Related News