สังคม

พ่อเด็ก 10 ขวบจ่อร้องสภาทนาย คาใจตร.ไซเบอร์โยนลูกซื้อไอเทมเกม

โดย taweelap_b

2 ส.ค. 2565

1.4K views

กรณีนายณรงค์ฤทธิ์ อายุ 49 ปี ชาวอ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช นักธุรกิจค้าปุ๋ย เคมีภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการเกษตร หอบนำหลักฐานมาเปิดเผยว่ามีแก๊งคอลเซนเตอร์ติดต่อล่อลวงหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวจากลูกชายวัย 10 ขวบ ก่อนที่จะหลอกให้เด็กโอนเงินในบัญชีออกไปถึง 65 ครั้ง ในระหว่างวันที่ 7-25 ก.ค. 65 วงเงินรวมสูงถึง 1,206,000 บาท


ต่อมาตำรวจไซเบอร์ จากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 เปิดเผยข้อมูลอีกด้านว่า การทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นการทำธุรกรรมโดยเจ้าของบัญชีเอง ซึ่งบุตรชายอาจเป็นผู้ดำเนินการโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และนายฤรงค์ฤทธิ์ อาจจะไม่ทราบถึงรายละเอียดขั้นตอน โดยขั้นตอนจะต้องยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายภาพใบหน้าของนายฤรงค์ฤทธิ์ เพื่อยืนยันข้อมูลในการสมัครเข้าใช้งาน บุตรชายของผู้เสียหายได้นำโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว ไปใช้ในการสมัครเล่นเกมออนไลน์ และซื้อ Item เกม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง โดยการซื้อ Item เกมดังกล่าวเป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet)


ล่าสุดวันที่ 2 ส.ค. 65 นายณรงฤทธิ์ เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่าตกใจและยังมึนงงกับการแจ้งข้อมูลของตำรวจไซเบอร์ กลายเป็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และในการพูดคุยกับตนเสมือนว่าตนเข้าไปมีส่วนรู้เห็นด้วย โดยที่ไม่ได้บอกเลยว่าพฤติการณ์ที่เด็กให้ข้อมูลนั้น การล่อลวงเอาบัตรประชาชนของพ่อ การชักชวนล่อลวงไม่ให้เด็กบอกพ่อ และเด็กมีอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น รวมทั้งข้อสงสัยในเรื่องการแจ้งเตือน ข่าวตำรวจที่ออกมานั้นฟังเหมือนว่าความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่จริง ถูกสังคมว่ากล่าวเสีย ๆ หาย ๆ


ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าการทำธุรกรรมของตนทุกครั้งโดยเฉพาะการโอนเงินจะไปทำด้วยตัวเองที่ธนาคารผ่านสลิปหลักฐานที่เป็นกระดาษทุกครั้ง ส่วนแอปฯ ธนาคารในโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องนั้น เจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งไว้ให้ แต่ไม่เคยได้ใช้ เพราะกลัวเหตุการณ์แบบนี้ และจะเข้าขอความช่วยเหลือกับสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช


ขณะที่นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ ประธานสภาทนายความภาค 8 ทราบข้อมูลเบื้องต้น โดยมีการประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือในคดี จาสภาทนายความภาค 8 และสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช


นายลือชา ให้ความเห็นว่า พฤติการณ์ที่มีการติดต่อกับเด็กที่มีอายุเพียง 10 ขวบ เห็นถึงวุฒิภาวะของเด็กอยู่แล้วว่ายังไม่เพียงพอ การล่อลวงขอเอกสารของพ่อเด็กโดยมีการสำทับไว้ว่าอย่าบอกพ่อ แสดงถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว และวงเงินกว่า 1.2 ล้านบาท เป็นเรื่องที่เกินวิสัยของเด็ก 10 ขวบที่จะทำธุรกรรมได้โดยชอบ ดังนั้นเหตุการณ์ทำนองนี้จึงอาจเข้าข่ายพฤติกรรมความผิดลักษณะฉ้อโกง ล่อลวงเด็ก ซึ่งขอให้ฝั่งผู้เสียหายมาทำเรื่องที่สภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้

คุณอาจสนใจ

Related News