สังคม

บิ๊กป้อม ลุยนครพนมสั่งแก้ยาเสพติด ชี้นับวันยิ่งรุนแรงเหลือเม็ด 20 บาท

โดย taweelap_b

1 ส.ค. 2565

335 views

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 65 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายในการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายชาญชัย คงทัน รอง ผวจ.นครพนม กล่าวต้อนรับ


พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกจังหวัดต้องเอาตัวอย่างที่ดี ให้ไปปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดทุกภาคส่วน ยาเสพติด เป็นตัวบ่อนทำลายประเทศชาติ แม้จะมีการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง นับวันจะรุนแรงขึ้นทุกวัน จากเม็ดละ 200-300 บาท เหลือเพียงเม็ดละ 20-30 บาท ให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะต้องชี้แนะให้ประชาชน ทราบว่ายาเสพติดทำลายประเทศชาติ จึงขอให้ป้องกันยาเสพติดอย่างจริงจัง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นอย่างไร ดูจากทีวี ลูกทำร้ายพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ซึ่งมีอยู่บ่อยครั้ง จึงขอให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ทำความเข้าใจในด้านกฎหมายยาเสพติดอย่างจริงจัง มีประสิทธิภาพให้มีการขับเคลื่อนรองรับกฎหมายอย่างมีระบบ ขั้นตอน ปรึกษาข้อกฎหมายติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างชัดเจน เอากฎหมายมาแก้ปัญหา กับผู้ค้า กับผู้เสพตามแนวทางใหม่ เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยไม่รับผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา


สำหรับมาตรการป้องกันไม่ให้ประชาชน ไม่ขาย ซึ่งเป็นผลร้ายต่อประชาชน ให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนให้รู้พิษภัยของยาเสพติด ส่งเสริมความเข้าใจ เข้มแข็งให้ชุมชน ให้เป็นรูปแบบอย่างยั่งยืน ปราบปรามอย่างจริงจัง การบำบัดรักษา ให้ผู้เสพ มาลงทะเบียนข้อมูล เพื่อฟื้นฟูการบำบัด ยาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ส่งเสริมให้ผ่านการบำบัด ให้ความรู้ในเรื่องวิชาชีพ โดยให้กระทรวงแรงงาน เป็นผู้ฝึกอาชีพ ให้ตำรวจ ปกครอง ช่วยดูแลไม่ให้ทำผิดอีก เพื่อให้เข้าสู่สังคม จับอย่างเดียวไม่พอ ต้องให้ความรู้กับเขา ด้านการปราบปราม ต้องทำลาย เครือข่าย หน่วยงาน ทุกระบบ ทุกเครือข่าย เพื่อให้ผู้เสพกลับตัวเป็นคนดี ผู้ค้าจะต้องลงโทษอย่างเดียว ยึดทรัพย์สิน จำคุก เรามีกฎหมายยึดทรัพย์ ต้องถูกลงโทษ ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาร้ายแรง ทำให้คนในชาติไม่ปลอดภัย ต้องเข้มแข็ง เพื่อให้คนดีคืนสังคม ทั้งที่ฝ่าย ตำรวจ ทหาร ปกครอง ช่วยปราบปราม เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง


หลังจากพล.อ.ประวิตร มอบนโยบายเรียบร้อยแล้ว ที่ชั้นล่างศาลากลางจังหวัดนครพนม มีนายเข็มพร เชื้อตาหมื่น คณะกรรมการจังหวัด เขต 33 คดีพรรคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ยื่นหนังสือให้พล.อ.ประวิตร เรื่องที่ดินทำกินของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่ทางกองทัพและรัฐบาลมอบให้ตามคำสั่ง 66/23 ให้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยกลับมาพัฒนาชาติไทย โดยแถลงกันว่า ขอเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย คนละ 15 ไร่ จำนวน 100 กว่าครอบครัว เนื้อที่ทั้งหมด 1,070 ไร่ เมื่อปี พ.ศ.2523 ได้ที่ทำกินแล้ว แต่ยังไม่ได้เอกสารสิทธิ์ จัดให้แล้ว 39 ปี จึงขอให้พล.อ.ประวิตร ช่วยจัดเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกินให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่บ้านพัฒนาชาติไทย ม.7 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม


ต่อมาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ รร.โพนสวรรค์ราษฎร์พัฒนา อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เพื่อมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมทั้งมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยมีนายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าฯ นครพนม เป็นผู้แทนกล่าวต้อนรับ และนายชัชวาล เอื้อสุวรรณ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครพนม กล่าวรายงานความเป็นมา ภูมิสังคม และผลการดำเนินงานการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือ คทช.


จากนั้น พล.อ.ประวิตร ให้เกียรติมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 3 ป่า ประกอบด้วย “ป่าห้วยศรีคุณ” “ป่าดงเซกาแปลงที่สอง ระยะที่ 1” และ “ป่าดงเซกาแปลงที่สอง ระยะที่ 2” เนื้อที่รวม 53,661 ไร่ 1 งาน 39 ตารางวา พร้อมทั้งมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ให้กับประชาชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงเซกาแปลงที่สอง ระยะที่ 1 จำนวน 338 ราย โดยมีผู้แทนประชาชน จำนวน 5 ราย เป็นตัวแทนรับมอบ


ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงาน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พิจารณาดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องไฟฟ้า น้ำสำหรับอุปโภคบริโภค เส้นทางการคมนาคม และเร่งดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การเข้าถึงแหล่งทุนของประชาชน รวมถึงการนำแนวทางสหกรณ์มาใช้ในการบริหารจัดการ ในพื้นที่ คทช. เพื่อให้ประชาชนสามารถต่อยอดความรู้ มีความเข้มแข็ง และสามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ คทช. อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ซึ่งหากมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน ให้ประสานคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News