หนุ่มวัย 44 ปี อยากยาเสพติดหนัก ลงแช่น้ำหวังทุเลากลับช็อกดับคาห้องน้ำ

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 20 ก.ค.65 พ.ต.ท.วิชาญ บุญลือ พงส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในห้องน้ำ ภายในบ้านหมู่ที่ 4 ต.ปากคลองบางปลากด อ.พระสมุทรจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง


ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวบริเวณด้านหลังบ้าน บริเวณห้องน้ำพบศพ นายศรายุทธ อายุ 44 ปี ในสภาพสวมกางเกงขาสั้นสีไข่ไก่ ไม่สวมเสื้อ นั่งเสียชีวิตอยู่ในกะละมังสีดำ โดยมีน้ำอยู่แค่ท่วมหน้าตักในลักษณะเอนตัวมาทางด้านซ้ายศีรษะพาดกับขอบประตู ใกล้กันพบรองเท้าแตะสีขาวถอดวางอยู่ ก่อนที่จะประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธินำร่างออกมาพิสูจน์เบื้องต้นด้านนอก จากการตรวจสอบบริเวณดดยรอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้และไม่พบบาดแผลใดๆ ตามร่างกาย


จากการสอบถาม แม่ผู้เสียชีวิต อายุ 68 ปี ทราบว่าตนมีอาชีพขายของอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามหน้าบ้าน ส่วนผู้เสียชีวิตไม่ได้ทำงานอะไรและติดยาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 17 ปี พร้อมเดินเข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่นในข้อหาเสพยาเสพติด ครอบครองยาเสพติดและอีกหลายคดี


ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษมาได้ประมาณเกือบปี แต่ยังกลับมาเสพยาเสพติดอีก โดยจะไถเงินตนเองเป็นประจำ หากวันไหนไม่ได้จะบังคับ ข่มขู่ ตนจึงต้องยอมให้เพราะเป็นลูก ก่อนที่จะมาพบเป็นศพในห้องน้ำวันนี้ และเมื่อช่วงบ่าย (20 ก.ค.) ผู้เสียชีวิตนอนอยู่ในบ้านได้เอะอะโวยวายลั่นบ้าน เนื่องจากไม่ได้เสพยามาหลายวัน เพราะช่วงนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมจับกุมผู้ค้ายาในพื้นที่บ่อยครั้งจึงขาดยามาหลายวัน พร้อมบ่นว่าร้อนเนื้อร้อนตัว ก่อนที่จะเดินไปหลังบ้านเข้าในห้องน้ำและตักน้ำราดหลายขันก่อนที่จะเงียบเสียงไป


กระทั่งสามีที่อยู่ในบ้านเห็นว่าลูกเงียบหายไปนานจึงเดินเข้าไปดูพบว่าลูกนั่งหลับอยู่ในกะละมังจึงใช้มือเอื้อมเข้าไปจับตัวพร้อมเขย่าเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับและร่างกายเริ่มอ่อนจึงได้รีบเดินมาเรียกตนให้ช่วยกันดู ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยก็ภัยให้มาช่วยเหลือแต่ไม่ทันการณ์


ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐาน เบื้องต้นคาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเกิดอาการอยากยาอย่างหนักหรือลงแดง แต่ไม่มียาเสพติดให้เสพ จึงเกิดอาการร้อนเนื้อร้อนตัวก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปในห้องน้ำเพื่อแช่น้ำให้อาการอยากยาทุเลาลงแต่เนื่องด้วยร่างกายทรุดโทรมจึงเกิดภาวะอาการช็อกจนเสียชีวิตดังกล่าว ก่อนที่จะบันทึกภาพและลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้นพร้อมมอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้งและประสานญาติให้ไปติดต่อขอรับศพมาดำเนินการตามประเพณีต่อไป