อุทาหรณ์! ชาวบ้านลงถังเก็บมูลสุกร สูดก๊าซไข่เน่าสลบหวิดดับ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสืบสวนควบคุมโรค รพ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ไปยังฟาร์มอมรรัตน์ ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงสุกร อยู่ในพื้นที่บ้านเสาเล้า ม.9 ต.นางาม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยไปดูในจุดที่เป็นบ่อพักมูลสุกร ที่อยู่ติดกับฟาร์มเลี้ยงสุกร และเป็นจุดที่เกิดเหตุ ที่ชาย 3 คนหมดสติในถังเก็บมูลสุกร ซึ่งเป็นถังเหล็กขนาดหนึ่งหมื่นลิตร หรือ 10 ตัน


ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมัญจาคีรี ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านที่มาเห็นเหตุการณ์ รวมถึงสอบถามกับเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสุกร เพื่อเก็บข้อมูลกลับไปวิเคราะห์ และประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ เช่น การเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าว เกิดจากถังดังกล่าวมีสถานที่แคบเกินไป เมื่อคนลงไปทำให้อากาศข้างในถังน้อยแล้วคนก็เป็นลมหมดสติ หรือว่ามูลสุกร ทำให้เกิดก๊าซพิษ ทำให้คนสูดดมเข้าไปเกิดอาการช็อตหมดสติ


ในขณะที่ นางอมรรัตน์ อายุ 37 ปี เจ้าของฟาร์มอมรรัตน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ช่วงค่ำวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา นายนวลจันทร์ อายุ 56 ปี ชาวบ้านเสาเล้า ที่มีอาชีพรับจ้างขนมูลสุกรส่งให้ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง ที่ต้องการมูลสุกรไปใส่เป็นปุ๋ยในไร่ตัวเอง หากชาวบ้านต้องการและว่าจ้างนายนวลจันทร์ จะมาสูบเอามูลสุกรที่ฟาร์มเป็นประจำ ซึ่งฟาร์มก็ไม่ได้ห้ามปราม


ในวันเกิดเหตุ นายนวลจันทร์ก็ขับรถไถนาขนาดใหญ่ ลากจูงตัวพ่วงที่ทำเป็นรถลากถังใส่มูลสุกรมาที่ฟาร์มเพื่อดูดมูลสุกรเหมือนที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง ทางฟาร์มก็ปล่อยให้จัดการเอาเอง กระทั่งช่วงค่ำ มีชาวบ้านขับรถผ่านฟาร์ม มองเห็นรถไถของนายนวลจันทร์ จอดอยู่ใกล้บ่อพักมูลสุกร จึงแวะเข้าไปทักทายกับนายนวลจันทร์ แต่พอเดินเข้าไปก็พบนายนวลจันทร์ นินดิ้นทุรนทุรายที่พื้นดินข้างรถไถ จึงรีบช่วยเหลือพากันนำนายนวลจันทร์ส่งที่รพ.มัญจาคีรีเป็นการด่วน


“ขณะพานายนวลจันทร์ ส่งที่รพ.มัญจาคีรีนั้น ไม่มีใครทราบว่ามีนายกฤษฎา หรือแม้ก อายุ 28 ปีเป็นลูกชายของนายนวลจันทร์ และนายอรรถพล หรือเปา อายุ28 ปี เพื่อนของนายแม้ก สลบหมดสติในถังบรรจุมูลสุกร จนกระทั่งภรรยานายนวลจันทร์ เดินทางไปดูอาการสามีที่รพ.ถามหาลูกชายกับนายเปา แต่ไม่มีใครพบเห็น ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านจึงพากันไปตรวจสอบในจุดที่สูบมูลสุกร จุดที่พบนายนวลจันทร์ เมื่อชาวบ้านไปถึงก็พบทั้งสองคน สลบ นอนกายกันอยู่ในถัง ชาวบ้านจึงรีบช่วยทั้งสองคนออกมาจากถัง นำส่งรพ.มัญจาคีรีทันที”


ทางด้านนายจอมเกษ อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านเสาเล้า ม.9 คนที่ตัดสินใจลงไปในถัง เพื่อช่วยเหลือนายแม้กและนายเปาขึ้นมา กล่าวว่า หลังทราบเรื่องก็รีบมาดูที่ถังเก็บมูลสุกร และใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือส่องลงไปในถัง พบว่าถังไม่มีน้ำ จึงรีบลงไปช่วยเหลือทั้งสองคน โดยพบว่านายแม้กนอนเกยนายเปาอยู่ จึงรีบยกนายแม้ก ส่งขึ้นมาที่ปากถังให้เพื่อนบ้านรับต่อ จากนั้นก็รีบยกนายเปาขึ้นมาส่งต่อให้เพื่อนบ้านอย่างเร่งด่วน เพราะสภาพของชายทั้งสองคนนั้น แย่มากอยู่ในสภาพหายใจรวยริน ร่างอ่อนระทวย ชีพจรยังเต้นแต่เต้นค่อยมาก จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที


“ผมลงไปในถังไม่ได้กลิ่นมูลสุกรของกลิ่นเหม็นเน่าจากของเสียแต่อย่างใด เพียงแค่รู้สึกอึดอัด ขาอ่อนแรง หลังช่วยเด็กสองคนได้ก็รีบขึ้นมาจากถังทันที เมื่อออกจากถังมาได้รู้สึกว่าขาอ่อนแรง ต้องนั่งพักเป็นเวลานานๆ เชื่อว่าเกิดจากก๊าซพิษหรือก๊าซไข่เน่าที่สะสมในมูลสุกร ที่ตกตะกอนอยู่ในก้นถังก็เป็นได้”


นายจอมเกษ กล่าวอีกว่า ทั้งสามคนที่ประสบเหตุนั้นคือนายนวลจันทร์ และนายแม้กลูกชาย ส่วนนายเปาเป็นเพื่อนนายแม้ก มารับจ้างขนถ่ายมูลสุกรช่วยเพื่อน ซึ่งเมื่อส่งทั้งสามคนมาที่รพ.มัญจาคีรีปรากฏว่าอาการหนัก จึงถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น ซึ่งนายนวลจันทร์และนายแม้กอาการดีขึ้นแล้ว ส่วนนายเปายังต้องใช้เครื่องหายใจอยู่


จากการสอบถามนายนวลจันทร์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่า ได้รับจ้างขนมูลสุกรส่งตามไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลังมาแล้วหลายเที่ยว เมื่อปล่อยมูลสุกรออกสู่ไร่สวนชาวบ้าน มีแต่น้ำไหลออกมา ส่วนมูลข้นนั้นตกตะกอนที่พื้นถังเกรอะหนา เมื่อขับรถไถลากถังใส่มูลสุกรมาที่ฟาร์ม เตรียมการสูบมูลสุกรไว้แล้ว แต่ยังไม่สูบใส่ถัง ก็ลงไปในถังเพื่อใช้จอบขุดมูลสุกร พรวนให้ร่วน เพื่อจะได้ผสมกับมูลสุกรที่กำลังจะมีการสูบเข้าไปในถัง แค่ช่วงที่ใช้จอบเกลี่ยมูลสุกรในถังนายนวลจันทร์บอกว่า มีกลิ่นเหม็นคลุ้งลอยเข้าจมูกทั้งที่ใส่หน้ากากอนามัย จนหายใจติดขัดทั้งทางปากและจมูก จึงเรียกลูกชายลงไปช่วย ลูกชายกับน้องเปาพากันลงไปช่วยนายนวลจันทร์ขึ้นมาได้พ้นปากถัง ก็ล้มฟุบลงไปในถังทั้งคู่ และนายนวลจันทร์ก็ตกลงมาที่พื้นที่ดินด้านล่าง และไม่สามารถช่วยทั้งสองคนได้ กระทั่งมีเพื่อนบ้านมาพบ จึงมีการช่วยเหลือทุกคนส่งรพ.ดังกล่าว


นายนิกร สุริยมาตร์ อายุ 54 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านเสาเล้า ซึ่งเป็นผู้ถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้และเดินทางไปช่วยทั้ง 3 คนพร้อมกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ภายหลังจากที่เหตุการณ์คลี่คลายลง ตนเองก็กลับมาที่บ้าน และมานั่งเปิดดูรูปและคลิปที่ถ่ายเอาไว้ เพื่อจะดูว่าคนที่สลบอยู่ภายในนั้นลักษณะเป็นยังไงเพื่อจะรายงานเหตุการณ์ส่งตามขั้นตอน ปรากฏว่าต้องขนลุกซู่หลังจากที่เปิดคลิปและภาพดูพบว่า เห็นขาผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ภายในแทงค์เก็บมูลสุกร ข้างๆ ชายที่สลบอยู่ จึงซูมดูพบว่าเป็นใบหน้าผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยสีขาวมองมาที่ตนเอง จึงได้เปิดให้คนอื่นๆ ดูด้วย ก็พบว่าเห็นเหมือนกัน แต่ก็เป็นเรื่องของความเชื่อ แต่ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของชายที่สลบอยู่ก็ได้ แต่โชคดีที่ชาวบ้านช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันและมีชีวิตรอดปลอดภัย


พร้อมกันนี้เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน นายกฤษดา หนึ่งในผู้บาดเจ็บที่ได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาจากแทงค์เก็บสุกรหมู ปั๊มหัวใจส่งโรงพยาบาลมัญจาคีรี และถูกส่งต่อไปรักษาที่ โรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งเดินทางกลับมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมัญจาคีรีแล้ว โดยอาการล่าสุดจากการสอบถามนายกฤษดา บอกว่าตอนนี้ยังมึนๆ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว โดยทางญาติได้นำสายสิญจน์มาผูกแขนเรียกขวัญตามประเพณีความเชื่อของคนอีสานด้วย