ผู้รับเหมาเยียวยา 3 แสน จ่ายค่าซ่อม 100% รับผิดชอบปมเหล็กร่วงใส่รถ บนถนนพระราม 2

จากกรณีที่ โลกออนไลน์ได้เผยแพร่คลิป แท่งเหล็กร่วงหล่นลงบนถนนพระราม 2 ทำให้รถยนต์ที่วิ่งผ่านมาได้รับความเสียหายนั้นนั้น

ล่าสุด นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ทางกรมฯ โดยสำนักก่อสร้างสะพานได้ทำการตรวจสอบแล้ว ขอเรียนชี้แจงว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2565 เวลาประมาณ 18.00 น. ในพื้นที่โครงการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ตอน ทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ตอน 2 ที่ กม.17+500 (ขาเข้า กทม.) จ.สมุทรสาคร

ซึ่งสาเหตุเกิดจากผู้รับจ้างได้เข้าไปเตรียมความพร้อมในการติดตั้งชิ้นส่วนสะพาน ระหว่างการดำเนินงาน ได้เกิดอุบัติเหตุชิ้นส่วนนั่งร้านเหล็กสำหรับรับขา Launching truss ด้านหน้า ร่วงหล่นลงมาบนถนน ระหว่างนั้นมีรถกระบะสีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร วิ่งมาในบริเวณดังกล่าว ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน ทำให้รถเหยียบทับชิ้นส่วนนั่งร้านเหล็ก และมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้รับความเสียหายรวม 3 คัน มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 3 คน

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร นายสราวุธ และนางโมรี วาระเพียง สองสามีภรรยา ผู้เสียหายที่ประสบเหตุดังกล่าว ได้เดินทางมาพบกับ นายกรภัค กาญจนอุทัย ตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างทางยกระดับ ถนนพระราม 2 เพื่อตกลงเจรจาเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหายต่อรถยนต์กระบะ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมกันนี้ทางตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างฯ ยังนำกระเช้าผลไม้มามอบให้แก่ผู้เสียหายอีกด้วย

โดยบรรยากาศภายในห้องสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาครนั้น เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้ให้ฝ่ายผู้เสียหายและตัวแทนผู้รับเหมาก่อสร้างฯ ลงบันทึกประจำวันและรับทราบข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทุกอย่างก็เป็นที่เรียบร้อยดี

 ผู้เสียหาย บอกว่า วันนี้ได้เดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างฯ อีกครั้ง ซึ่งทางด้านของตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างทางยกระดับ ถนนพระราม 2 ก็ได้ยินยอมที่จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท

พร้อมกับยินยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล กับค่าซ่อมรถทุกบาทแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งนี้ทางตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาฯ จะต้องทำเรื่องส่งไปยังบริษัทฯก่อน เพื่อทำการพิจารณาอนุมัติค่าสินไหม รวมถึงค่าเสียหายต่อตัวรถยนต์กระบะและค่ารักษาพยาบาลตามที่ตกลงกันไว้ภายในไม่เกินวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 นี้ และได้นัดส่งมอบค่าสินไหมที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร

ซึ่งในส่วนตัวแล้วก็รู้สึกดีที่ทางบริษัทฯ ให้ความรับผิดชอบเช่นนี้ แต่ตนเองไม่ได้หวังเรื่องของเงินทอง หวังว่านับจากนี้ไปบริษัทฯ ผู้รับเหมาทุกแห่งจะให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในการก่อสร้างมากกว่านี้ โดยจากการพูดคุยกันนั้นทางตัวแทนบริษัทฯ ก็บอกว่า ต่อไปจะเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น ส่วนสาเหตุนั้นตัวแทนบริษัทฯ ยังไม่ได้ชี้แจงให้ทราบแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ผู้เสียหาย ยังบอกอีกว่า ช่วงนี้พอต้องขับรถผ่านถนนพระราม 2 ในช่วงที่กำลังมีการก่อสร้างทางยกระดับนั้น ทั้งตนและภรรยาก็รู้สึกหวาดระแวงไปหมด ขับไปก็คอยมองว่าจะมีอะไรหล่นลงมาอีกหรือป่าว เพราะยังรู้สึกกลัวๆ อยู่นั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกรายจากเหตุการณ์เดียวกัน คือ ครอบครัวของ นายญาณกิตติพศ (บิดา) น.ส.พัทธ์ธีรา (บุตรสาว) และ ด.ญ.จิณัฐตา หลานสาว  ได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างทางยกระดับ ถนนพระราม 2 ซึ่งก็ได้รับมอบมอบกระเช้าผลไม้จากตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างฯ เพื่อแทนความห่วงใยด้วยเช่นเดียวกัน

โดยครอบครัวของนายญาณกิตติพศฯ นี้ เป็นเจ้าของคลิปภาพกล้องหน้ารถ ซึ่งแม้ตัวรถจะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยจากเศษหินที่กระเด็นกระดอนมาใส่รถ

สองพ่อลูก ได้เล่าเหตุการณ์ว่า ครอบครัวของตนเองขับรถกลับจากไปเที่ยวที่หัวหิน กำลังจะกลับบ้านในอำเภอพระประแดง โดยขับตามรถคันที่เกิดเหตุมา เมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าวตนเองก็มองไม่เห็นท่อนเหล็กที่ตกลงมา แต่ลูกสาวเห็นแล้วตะโกนบอกให้ตนหยุดรถ มีท่อนเหล็กตกลงมาจากการก่อสร้างทางยกระดับ ซึ่งตนก็รีบเบรกรถกะทันหันจนทำให้ หลานสาวที่นอนอยู่ตรงเบาะนั่งด้านหลังคนเดียวนั้นกลิ้งตกลงมากระแทกพื้น ร้องไห้ลั่นรถ แล้วก็บ่นว่าเจ็บ

จึงได้พากันไปให้หมอตรวจ พบว่ามีอาการบอบช้ำเล็กน้อยตามร่างกาย โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรง ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทางบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างฯ ก็ได้นัดมาเจรจาตกลงค่าสินไหมทดแทนกัน

ทั้งนี้ก็อยากจะฝากไปถึงผู้รับเหมาฯ ว่าขอให้มีการดูแลเรื่องของความปลอดภัยให้มากกว่านี้ วันนั้นถือว่าครอบครัวของผู้เสียหายรายแรกโชคดีมากที่ท่อนเหล็กตกลงไปที่พื้นก่อนแบบฉิวเฉียด หากตกใส่รถแบบเต็มๆ หรือเป็นรถยนต์เก๋ง ก็จะทำให้เกิดการเสียชีวิตและอาจเกิดอุบัติเหตุหมู่ที่รุนแรงมากกว่านี้ได้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/DD8kcLQeh1g