ผู้ประกอบการ จ่อเปิดถนนข้าวสารสู่ "ฮับกัญชา"

นาย สง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ยืนยันว่า สมาคมและผู้ประกอบการบริเวณถนนข้าวสารมีแนวคิดจะทำให้ถนนข้าวสาร ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกในนามของ "ฮับกัญชา" ใครนึกถึงกัญชาให้มาที่ถนนข้าวสารประเทศไทยได้เลย"


หลังจากพบว่า 2-3 วันที่ผ่านมา มีการตั้งโต๊ะขายกัญชาในพื้นที่ จนได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่ต้องมีมาตรฐาน เช่น ผู้ซื้อต้องแสดงบัตรประชาชนหรือพาสสปอร์ต อายุต้องไม่ต่ำกว่า 20 ปี, ไม่จำหน่ายให้นักเรียน นักศึกษา และการซื้อจะไม่จำหน่ายแบบสำเร็จรูป แต่ขายเป็นวัตถุดิบ จากนั้นจะมีห้องให้สูบอย่างมิดชิดระบายอากาศได้ กลิ่นต้องไม่กระทบกับประชาชนรอบข้าง


นอกจากนี้จะมีการนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา เช่น อาหารและขนม รวมทั้งน้ำมันกัญชามาจำหน่าย โดยผู้ประกอบการรายใดที่จะประกอบธุรกิจจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะเห็นด้วยและยอมรับมากขึ้น เพราะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้


ส่วนที่หลายคนกังวล เพราะพื้นที่ข้าวสารเป็นพื้นที่ชุมชน มีทั้งวัดและโรงเรียน ตลอดจนสถานที่ราชการ จึงเกรงว่าจะได้รับผลกระทบส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศนั้น ไม่อยากให้มองในแง่ลบ แต่ควรมองในแง่บวก เพราะนี่ถือเป็นโอกาสที่จะได้เห็นปัญหาและแก้ปัญหาไปพร้อมกัน


ด้านพลตำรวจตรี นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า แม้จะปลดล็อกพืชกัญชา ออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่การตั้งโต๊ะขายกัญชามวน หรืออาหารผสมกัญชาข้างทาง หรือบริเวณทางเท้า ยังมีกฎหมายอื่นควบคุม เช่น อาจละเมิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ หรือ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ซึ่งผู้ค้าต้องไปลงทะเบียนจำหน่ายให้ถูกต้อง


ขณะที่ การสูบในที่สาธารณะ อาจทำให้ควันหรือกลิ่นไปรบกวน ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น หรือหากมึนเมาจนขาดสติ นำไปสู่การก่ออาชญากรรมก็อาจเข้าข่ายความผิดด้วยเช่นกัน ซึ่งตำรวจแต่ละพื้นที่ต้องทำความเข้าใจและปรับตัวกับกฎหมายใหม่ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน