ผู้เสียหายสุดมึน ถูกสี่คนร้ายปีนบ้านลักทรัพย์ไป อยู่ ๆ มีแท็กซี่ปริศนา เอาทรัพย์สินมาวาง

จากกรณีที่เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 มิถุนายน 2565 นางนวรัตน์  อายุ 50 ปี ได้หอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพพฤติกรรมของ 4 คนร้ายที่เป็นชาย ได้กันขับรถยนต์เก๋งมาก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นพระบูชาและพระเครื่องจำนวนมากรวมทั้งทรัพย์สินอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาข่าวแกะร่องรอยของผู้ก่อเหตุทั้งหมดและภาพกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงและตามเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

จนกระทั่งล่าสุดเมื่อสามวันก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้แกะคนร้ายที่ก่อเหตุที่ในครั้งนี้ จนทราบว่าทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งกบดาลอยู่ในย่านพระราม 2 เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเดินทางเข้าไปตรวจค้นในจุดดังกล่าว ได้พบรถยนต์เก๋งคันที่ผู้ก่อเหตุใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ จอดอยู่ ส่วนตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้แยกย้ายกันหลบหนีไปก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวเอาไว้เป็นของกลาง พร้อมทั้งกดดันญาติและครอบครัวของผู้ก่อเหตุทั้งหมด

จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ของคืนวานนี้ที่ 26 มิถุนายน ได้มีเพื่อนบ้านโทรเข้ามาบอก นางนวรัตน์ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ว่ามีคนเอากล่องพลาสติกสีดำขนาดใหญ่จำนวน 2 กล่องมาวางที่หน้าบ้านตน และจากการกล้องภาพจากกล้องวงจรปิดได้พบว่า กล่องทั้งหมดมีรถยนต์แท็กซี่ สีเขียว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ได้ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านบ้านของผู้เสียหายก่อนที่จะยกกล่องพลาสติกทั้งหมดมาวางกองไว้ที่หน้าบ้านของผู้เสียหาย ก่อนที่จะขับขี่ออกไป นางนวรัตน์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้โทรศัพท์มาแจ้งเจ้าหน้าตำรวจให้มาตรวจสอบ พบว่าภายในกล่องทั้งหมดมีพระบูชาและพระพุทธรูปและสิ่งของอื่น ซึ่งเป็นของผู้เสียหาย ที่ถูกคนร้ายลักไปบรรจุอยู่ภายในกล่องทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงได้นำไปมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เป็นผู้เก็บรักษา

ในวันนี้ที่ 28 มิถุนายน 2565 พ.ต.ท.ประสิทธิ์ เมฆษา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ร้อยเวรเจ้าของคดีได้เชิญผู้เสียหายมาทำการตรวจสอบทรัพย์สินที่มีคนนำมาวางคืนให้ ซึ่งพบว่าเป็นพระบูชาทั้งเล็กและใหญ่จำนวนกว่า 10 องค์ รวมทั้งพระเครื่องอีกจำนวนกว่า 300 องค์รวมทั้งเครื่องเงินและทรัพย์สินอื่น ๆ อีกจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 9 หมื่นบาท แต่ก็ยังมีพระบูชาซึ่งเป็นพระเกจิชื่อดัง อีกหลายองค์ที่ยังหายไป ซึ่งในวันนี้ได้ให้ผู้เสียหายทำการตรวจนับทรัพย์สินในส่วนที่ได้คืนมาเพื่อนำกลับไปเก็บรักษา

พ.ต.ท.อำนาจ ราชสี รอง ผกก.สส. สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้สั่งการณ์ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เร่งลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลและภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุและเส้นทางที่ใช้หลบหนีเพื่อแกะหาร่องรอยของผู้ก่อเหตุ จนกระทั่งทราบ ทะเบียนรถยนต์เก๋งของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น รวมทั้งเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุใช้หลบหนีพบว่า หลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีมาทางถนนศรีนครินทร์ เมื่อทางด่วนกาญจนามุ่งหน้าไปลงที่ด่านพระราม 2 ประกอบกับข้อมูลที่ได้จากผู้ครอบครองรถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งอยู่พักอาศัยอยู่ในย่านบางแค เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นและได้ตรวจยึดรถเก๋งคันดังกล่าวไว้ได้เอา ส่วนผู้ก่อเหตุทั้งหมดไหวตัวทันหลบหนีไปก่อนแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนทรัพย์ของผู้เสียหายที่มีการให้รถแท็กซี่มาวางคืนที่หน้าบ้านผู้เสียหาย นั้นคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของผู้ก่อเหตุหรือญาติ แต่ก็ยังไม่รู้วัตถุประสงค์อะไร ที่นำมาคืน