'ชัชชาติ' ลุยโรงขยะหนองแขม เปิดแมสก์พิสูจน์กลิ่น ฝากคิดถึงภาษีปชช. ซื้อรถบีบอัดขยะเป็น 10 ปี แต่ไม่ได้ใช้

วานนี้ (26 มิ.ย. 65) เวลา 14.40 น. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. เดินทางไปตรวจดูโรงงานขยะมูลฝอยหนองแขม หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน เรื่องกลิ่นเหม็น และเสียงรถบรรทุกดัง รบกวนชุมชน

ชัชชาติ ระบุว่า เท่าที่มาตรวจสอบวันนี้ พบว่ากลิ่นยังไม่แรงมาก อาจเป็นเพราะทิศทางลม และการขนส่งขยะจะมีขึ้นในช่วงเช้ามืด ตนมองว่าต้องกำกับดูแล 2 มิติ คือ ...

• ค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะที่มีสัญญาเป็นระยะยาว
• เรื่องสิ่งแวดล้อม ที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

ในอนาคตหากไม่มีการฝังกลบ อาจมีการปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สาธารณะ

“ทำอะไรวันนี้ มันมีผลถึงลูกหลานในอนาคตมากเลย ส่งผลถึงค่าเล่าเรียน การสาธารณสุข มันคืองบประมาณเดียวกัน ก็ต้องดูแลให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้เอกชน”

ขณะที่ ชัชชาติกล่าวว่า ขยะมูลฝอยในกรุงเทพมหานคร มีเฉลี่ยวันละ 10,000 ตัน ส่งไปโรงกำจัดขยะ 3 แห่ง คือ

• อ่อนนุช 4,000 ตัน
• หนองแขม 3,500 ตัน
• สายไหม 2,500 ตัน

โดยโรงกำจัดขยะหนองแขม มีจุดกำจัด 2 แบบ คือ

1. โรงเผาขยะโดยเอกชนวันละ 500 ตัน ซึ่ง กทม.จะต้องเสียงบประมาณในการเผาขยะ ตันละ 970 บาท ตกวันละ 500,000 บาท ปีละ 180 ล้านบาท

2. ฝังกลบที่กำแพงแสน ค่าฝังกลบ 693 บาทต่อตัน รถวิ่งเฉลี่ยวันละ 1,000 เที่ยว

มองว่าในอนาคตการฝังกลบจะไม่ยั่งยืน เนื่องจากความเสี่ยง ค่าขนส่ง มลพิษฝังกลบ อย่างไรก็ตาม จะมีการทำเตาเผาขยะที่หนองแขม เหมือนกับที่อ่อนนุช ซึ่งการเผาจะใช้งบประมาณเฉลี่ย 775 บาทต่อตัน แต่ยังมีปัญหาเรื่องการประกาศรับซื้อ อย่างไรก็ตาม เราต้องเอาตัวเลขเหล่านี้มาหาตัวเลขที่เหมาะสมในอนาคต

“สิ่งที่เห็นคือ ค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะ และส่วนใหญ่สัญญาระยะยาว 20 ปี ดังนั้น หากจะทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีถึงอนาคตลูกหลาน ซึ่ง กทม.จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ รวมถึงเรื่องการสร้างมลภาวะให้กับชุมชนโดยรอบ สัญญาระยะยาวหลายฉบับเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามา ดังนั้น ต้องไปดูในรายละเอียด แต่สิ่งสำคัญคือการทำให้อนาคตดีขึ้น"

เห็นปัญหาในเรื่องของการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะเห็นว่า อุปกรณ์บางอย่างที่ซื้อมาก็ยังไม่ได้ใช้งาน เช่น เครื่องอัดขยะที่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เอามาใช้งานนานกว่า 10 ปี ดังนั้น เราต้องทำตรงนี้ให้มีประสิทธิภาพ คุ้มเงินภาษีประชาชน

ตอนนี้ได้เห็นปัญหาคร่าวๆ แล้ว หวังว่า กทม. จะต้องปกป้องผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน หลังจากนี้จะนำไปหารือกับรองผู้ว่าฯ และเจ้าหน้าที่ที่ดูแล และไปฟังปัญหาในชุมชนอีกรอบ

ชัชชาติ ยังสอบถามเจ้าหน้าที่ระหว่างสัมภาษณ์ว่า รถหรือเครื่องบดอัดขยะ มีโครงการจัดซื้องานแล้วหรือยัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตอบได้ ชัชชาติ จึงระบุว่า นานจนลืมไปแล้ว ถ้าเราลงทุนอะไรไปแล้วก็ควรจะคิดดีๆ ใช้งานให้มีประสิทธิภาพ เผื่อบีบอัดขยะแล้วขนส่งสะดวกขึ้น ราคาถูกลง

ผู้สื่อข่าวถามทิ้งท้ายว่าทำไมนายชัชชาติ ถึงถอดหน้ากาก ชัชชาติ ตอบว่า จะได้ได้กลิ่นชัดขึ้น

จากนั้น เวลา 15.30 น. ชัชชาติลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนกองขยะหนองแขม โดยมีประชาชนเข้ามาให้การต้อนรับ และขอถ่ายรูปอย่างต่อเนื่อง

ชัชชาติได้กล่าวถึงชุมชนนี้ว่า ตอนที่ยังไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ก็เคยมาเยี่ยมแล้ว วันนี้ก็กลับมาเยี่ยมอีก ในปัญหากลิ่นขยะที่พบ จะเกิดขึ้นช่วงที่มีฝนตก ส่วนช่วงปกติก็จะไม่ค่อยมีกลิ่น ทั้งนี้ ชุมชนมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนผลิตน้ำดี (หทัยรัก) รับเลี้ยงเด็กตั้งแต่ 2-6 ขวบ จำนวน 60 คน เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ในการไปทำงาน

“ตอนเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ไม่ได้มีการบรรจุเป็นข้าราชการ เงินเดือนได้ตามปริญญาบัตร แต่ไม่มีการปรับขึ้น เพราะถูกมองว่าเป็นคุณครูอาสาสมัคร รวมถึงค่าอาหารของเด็กที่ได้เพียงหัวละ 20 บาท แน่นอนว่าไม่เพียงพอ ผมจึงต้องประสานให้ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. เข้ามาดูแลในส่วนนี้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชัชชาติได้เดินเข้าไปในชุมชน และมีการพูดคุยกับประชาชนถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งนายชัชชาติกล่าวว่า ต้องขอบคุณคณะซิสเตอร์พระหฤทัย หนองแขม ช่วยดูแลเด็กๆ ในชุมชนให้มีความสุขสมวัย และยังช่วยดูแลความเรียบร้อยของชุมชนอีกด้วย

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/RtnDMlknntc