อัจฉริยะ ท้าแม่ตรวจดีเอ็นเอ และยันเครียร์ใจกรรชัยแล้ว

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้า ร้องทุกข์กล่าวโทษ พลตำรวจตรีวสันต์ เตชะเกษม ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 และ พันตำรวจเอกวรชาติ แสนคำ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธร ภาค 1 ในข้อหาร่วมกันที่เป็นเจ้าพนักงานรู้หรืออาจรู้ความลับในราชการกระทำโดยประการใดๆอันมิชอบหน้าที่ ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับคดีแตงโม ตามมาตรา 164,157

จากกรณีที่มีการนำภาพศพของดาราสาวมาเทียบเคียงกับใบพัดเรือ ส่งต่อไปให้ยังนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดียศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า โดยตนเองมองว่านายแพทย์ ธวัชชัย เป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องในคดี การที่นำหลักฐานในคดีออกไปให้คนนอกดู จึงถือว่าเป็นความผิด ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ ในกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของการสร้างหลักฐานเท็น และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางคดีอาญา ขณะที่ นายอัจฉริยะ ยังระบุถึงกรณีที่มีการพูดถึงว่าคลิปที่ตนเองมีเป็นคลิปเหตุการณ์ตอนที่มีการกรีดขา ซึ่งตนเองยืนยันว่าตนเองไม่เคยพูดว่ามีคลิปที่บันทึกเหตุการณ์ตอนกรีดขา ดาราสาวแต่เป็นคลิปเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงที่มาของบาดแผลว่าไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือแต่เกิดจากการกรีดด้วยมีด ซึ่งตนเองอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือหน่วยงานอื่นๆเข้ามาช่วยตรวจสอบตัวเรือเพื่อหาร่องรอยเลือดตามจุดที่ปรากฏในหลักฐานของตนเอง เพื่อให้คลายข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักฐานที่ตนเองมีอยู่ซึ่งส่วนตัวไม่เข้าใจว่าเหตุใดหน่วยงานต่างๆจึงไม่กล้าที่จะตรวจเรือ ตามที่ตนเองร้องขอ

ซึ่งหากมีการยอมตรวจเรือลำดังกล่าวตนเองจะพาชี้จุดต่างๆที่ปรากฏรอยเลือดอยู่ในหลักฐานของตนเองเพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นเลือดของบุคคลใดซึ่งหากมีการตรวจพบก็จะสามารถยืนยันในหลักฐานของตนเองได้รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นแม่หรืออัยการก็สามารถนำหลักฐานของตนเองเข้าไปประกอบคดีและฟ้องในข้อหาฆาตกรรมได้ นายอัจฉริยะ ยังระบุอีกว่า ส่วนตัวมองว่า ขนาดนี้ตนเองเหมือนโดนเหตุการณ์ย้อนรอยเมื่อ 10 ปีก่อนที่ถูกหน่วยงานตำรวจกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าทำผิดซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วตนเองต้องต่อสู้โดยการไปขวางถนนหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่ในปัจจุบันตนเองมีความรู้ความสามารถและมีเครือข่ายทำให้ กล้าออกมาต่อสู้ต่อกรกับองค์กรตำรวจระดับภาคได้ ขณะที่ในส่วนของการดำเนินคดีกับตนเองในคดีนี้ตนเองถูกตำรวจดำเนินคดีแจ้งความเอาผิดแล้ว 4 คดี ส่วนทนายเดชาก็มีการแจ้งความเอาผิดกับตนเอง 2 คดีรวมทั้งสิ้นในคดีแตงโมตนเองถูกดำเนินคดีแล้วรวม 6 คดี แต่ยังยืนยันว่าไม่กลัวพร้อมจะต่อสู้กับทุกคนเพื่อพิสูจน์ความจริง ในวันพรุ่งนี้ตนเองจะเดินทางไปแจ้งความเอาผิดกับทนายเดชา ที่สภ.เมืองพระประแดง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

ส่วนตัวแม่แตงโมตนเองมองว่าไม่สบายจึงจะไม่ดำเนินคดี ขณะที่ในส่วนของที่วานนี้ ตนเองได้ไปร่วมออกรายการโหนกระแส แล้วมีทนายตั้มเข้ามากลางรายการ และมีสายโทรเข้าจากคนบนเรือถึง 3 คน ตนเอง มองว่าคนบนเรือ มีการร้อนตัวอยากเห็นหลักฐานที่ตนเองมีอยู่ซึ่งตนเองจะไม่ยอมให้กลุ่มคนเหล่านี้ดูส่วนทนายตั้มตนเองได้รู้จากหนุ่มกรรชัยมาตลอดแต่ไม่คิดว่าจะมีการเดินทางมากลางรายการ ซึ่งเมื่อมีการมาถึงยังสตูดิโอก็ไม่สามารถจะห้ามปรามให้เข้ามาในรายการได้ซึ่งตนเองเข้าใจคุณหนุ่มกรรชัยหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันและเคลียร์ประเด็นข้อสงสัยทั้งหมดแล้วยอมรับว่าหลังจากออกจากรายการวันนี้และลงมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนขนาดนั้นตนเองเข้าใจผิดแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการเจรจาเคลียร์ทุกข้อสงสัยกับทางคุณหนุ่มกรรชัยเป็นที่เรียบร้อยและเข้าใจกันดี

ส่วนทนายตั้มหากต้องการจะช่วยเหลือตนเองอย่างที่พูดมาก็พร้อมให้ช่วยเหลือโดยต้องเดินทางไปร่วมกับตนเองในทุกการดำเนินการต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเรือหรือการดำเนินการต่างๆ ส่วนหลักฐานตนเองยืนยันว่าจะต้องมีการเปิดในชั้นศาลเท่านั้น ขณะที่ส่วนตัวตนเองอยากดีเบตกับโรเบิร์ตบุคคลที่ไม่มีการติดต่อมากลางรายการวานนี้ มองว่าเป็นเรื่องแปลกที่หลังจาก ที่ตนเองได้มีการออกมาเปิดเผยหลักฐานทุกคนบนเรือออกมาแสดงการร้อนตัวแต่โรเบิร์ตกลับนิ่งเฉยจึงอยากดีเบตกับคนดังกล่าวถ้ามีโอกาส ขณะที่ในส่วนของตัวแม่แตงโม ที่มีจะถอนฟ้องของตนเองขณะนี้ทราบว่ายังไม่มีการถอนฟ้องแต่อย่างใด และอยากให้แม่ไม่ถอนฟ้องเพราะหากแม่มีการถอนฟ้องทุกสิ่งที่ตนเองทำมาจะหายไปและแม่จะไม่สามารถฟ้องในข้อหาเดิมซ้ำได้เพราะจะถือเป็นการฟ้องซ้ำ ซึ่งในส่วนของคดีที่ตนเองมีการฟ้องตรงไปจะมีการใส่สวนในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ต่อจากนี้ตนเองยังอยากให้แม่ออกมาแสดงภาพถ่ายที่เคยตั้งท้องดาราสาวหรือออกมาตรวจดีเอ็นเอเพื่อ เคลียร์ข้อสงสัยว่าเป็นแม่ที่แท้จริงของดาราสาวหรือไม่เพราะหากสามารถพิสูจน์ในประเด็นนี้ได้ทุกการกระทำของแม่ก็จะถือว่าชอบด้วยกฎหมาย