สาววัย 19 ถูกแก๊งเพื่อนอุ้มขึ้นรถ โดนตบกล้อนผมบังคับถ่ายคลิปแก้ผ้า

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว โพสต์เรื่องราวว่ามีหญิงสาว​ถูกกลุ่มคนรู้จักอุ้มขึ้นรถพาไปซ้อมทำร้ายร่างกาย ก่อนจับกล้อนผม​เเละแกก้ผ้าเปลือยกายถ่ายรูปไว้ เพื่อนำไปเเบล็กเมล เพราะหากเรื่องถึงตำรวจหรือสื่อมวลชน จะนำรูปเปลือยดังกล่าวไปโพสต์เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย

ล่าสุดเวลา 15.00 น. น.ส.ใบตอง อายุ 19 ปี ผู้เสียหาย พร้อมคุณแม่ ได้เดินทางมาแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง โดย น.ส.ใบตอง เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 16 มิ.ย.65 ต่อเนื่องวันที่ 17 มิ.ย.65 เวลา 00.30 น. ตนกำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่ภายในห้องแฟนย่านบึงพระราม 9 จังหวะที่แฟนออกไปซื้อน้ำแข็ง และไม่ได้ล็อกประตู จู่ ๆ ก็มีผู้หญิง 2 คน เดินมาเปิดประตูห้อง พร้อมควักมีดกับกรรไกรมาจี้ แล้วดึงเอาโทรศัพท์มือถือไป บอกไม่ให้ตนส่งเสียงร้อง ตนจึงเดินตามออกไปก็ไปเจอว่า แฟนตนกำลังจอดรถพยายามคุยกับอีกฝ่ายที่มากันทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน ทราบชื่อเบื้องต้น มะขาม, บัว, น้ำ, เพชร และหน่า ขับมาด้วยรถเก๋งสีบรอนซ์ทอง ซึ่งพอแฟนตนจะเข้ามาช่วย อีกฝ่ายก็เอามีดมาจี้ บอกว่าไม่ให้ยุ่ง จากนั้นก็บังคับให้ตนขึ้นรถเก๋งคันดังกล่าวไปด้วยกัน

จากนั้นพอขึ้นรถไป กลุ่มคู่กรณีก็ทำร้ายร่างกายตน ทั้งต่อย ตบ ศอก และยังใช้กรรไกรตัดผมตนจนแหว่ง ซึ่งตนกลัวจนไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลือ ผู้ก่อเหตุขับรถพาตนไปแถวพุทธมณฑลสาย 3 และให้ตนลงจากรถแถวกองขยะ ก่อนจะบังคับให้ถอดเสื้อผ้า ซึ่งตอนแรกตนไม่ยอม แต่ผู้ก่อเหตุขู่ว่าถ้าไม่ถอดจะทำร้ายร่างกายซ้ำอีกครั้ง ตนก็เลยต้องยอม กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงถ่ายคลิปเปลือยกายของตนไว้ เสร็จแล้วบอกว่าถ้าเอาเรื่องวันนี้ไปบอกใครหรือว่าไปแจ้งตำรวจจะปล่อยคลิป จากนั้นก็พาตนไปส่งที่บ้านและบอกให้ตนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปทั้งหมด

ส่วนสาเหตุของเรื่องนี้ ตนมั่นใจว่ามาจากเรื่องชู้สาว เพราะก่อนหน้าประมาณ 3-4 เดือน หนึ่งในหญิงสาวคู่กรณี ชื่อมะขาม เลิกกับแฟนที่ชื่ออาร์ม แล้วอาร์มมาคุยกับตน ซึ่งคุยไม่นานแค่ 1-2 สัปดาห์ อาร์มก็กลับไปคบกับมะขาม หลังจากนั้น มะขามก็แสดงท่าทีไม่พอใจเรื่องที่ตนเคยไปคุยกับอาร์ม เพราะว่าจริง ๆ ตนกับมะขามรู้จักกันมานาน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันมาก แต่มาคบผู้ชายต่อกัน ซึ่งมะขามเองเคยดักทำร้ายร่างกายตนไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตนไม่คิดจะเอาเรื่อง อยากให้จบกันไป

แต่ปรากฎว่า เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มะขามกลับไปข่มขู่คุณตาของตนที่บ้าน บอกว่าอย่าให้รู้ตัวว่าตนที่ไหน ให้ระวังตัวไว้ดี ๆ และก็มีพรรคพวกของมะขามมาข่มขู่ตนผ่านเฟซบุ๊ก และส่งคนมาข่มขู่ที่หน้าบ้าน แม้ตนกับมะขามจะเคยเคลียร์กันจบไปแล้ว แต่มะขามบอกว่าเกลียดตนเลยต้องทำ

ส่วนที่ตนมาแจ้งความและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันนี้ ตนไม่กลัวว่าจะถูกปล่อยคลิป เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อีกฝ่ายทำขนาดนี้ ตนรับไม่ได้ ถ้าปล่อยคลิปก็ดีจะได้เป็นหลักฐานมัดตัวด้วย ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ คู่กรณีพยายามติดต่อมาขอให้ตนลบโพสต์ บอกว่าไม่อยากเป็นข่าว แต่ตนไม่ยอมแล้ว เพราะสภาพจิตใจแย่มาก รู้สึกอาย ตนไม่ได้ทำร้ายเขาร้ายแรง ไม่สมควรที่จะมีใครมาโดนแบบนี้ และอยากบอกให้ทุกคนรับรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันหนักมากสำหรับตน อยากให้ทุกคนได้รับกรรม ตนจะไม่ยอม จะเอาเรื่องถึงที่สุด ซึ่งได้ไปแจ้งความที่ สน.หนองค้างพลู กรณีที่ถูกกระทำอนาจารไว้แล้ว แล้ววันนี้จะมาแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง เนื่องจากเป็นท้องที่ต้นเหตุ

คุณแม่ของน.ส.ใบตอง กล่าวว่า มะขามเคยมาอยู่ที่บ้าน แม่ก็เลี้ยงดูเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาว แต่สะขามกลับด่าแม่ และมีพฤติกรรมที่ไม่ดี ติดยาเสพติดกันทั้งกลุ่ม แม่เคยบอกลูกให้เลิกคบ แต่ลูกสาวบอกว่าเป็นเพื่อนกันไม่เป็นอะไร พอเกิดเรื่องมาด่าหน้าบ้านทำให้คุณตาตกใจ และยังมาทำขนาดนี้ ตนมองว่าหนักเกินไปมาก ๆ ลูกสาวเจอแบบนี้ตนรับไม่ได้ หลังเกิดเหตุตอนที่ไปเจอลูกสาวสภาพแย่มาก ๆ ร้องไห้อย่างเดียว ตนยืนยันว่าจะไม่ยอมความ และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ขณะที่ทีมข่าวโทรศัพท์ไปหาแม่ของหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ที่ชื่อน้ำ ซึ่งผู้เสียหายระบุว่า เป็นคนที่ใช้กรรไกรจี้และกล้อนผม โดยแม่ของน้ำ เปิดเผยว่า คืนที่เกิดเหตุ ลูกสาวบอกว่า จะออกไปข้างนอกกับเพื่อน ๆ ตนจึงเข้านอนก่อน เช้ามาถึงรู้ว่าลูกไปก่อเหตุ ก็พยายามถามให้พูดความจริง ลูกสาวก็เล่าว่าชวนกันไปกินเหล้า แต่มีปัญหากันในรถ ทะเลาะกัน ไม่ได้มีเจตนาจะไปทำร้าย แต่มีปัญหากันมาอยู่แล้วเรื่องของเด็กผู้หญิง ซึ่งพฤติการณ์ที่บอกว่าลูกสาวตนใช้กรรไกรไปจี้แล้วกล้อนผม ตนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งหลังทราบเรื่องก็พยายามที่จะติดต่อไปพูดคุยกับใบตอง แต่ใบตองไม่ยอมคุย ตนยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างลูก หากผิดก็ว่าไปตามผิด ให้ไปคุยกันที่โรงพัก ตนยืนยันลูกสาวไม่คิดจะหลบหนี หากตำรวจเรียกก็พร้อมพาลูกและเพื่อนลูกสาวไปพบ ส่วนเรื่องที่บอกว่าเคยทำร้ายร่างกายกันไปแล้ว ตนไม่ทราบ เพิ่งรู้เหมือนกัน

ขอบคุณภาพ : @อีซ้อขยี้ข่าว