“อนุทิน” ยกหูเคลียร์ใจ “ชัชชาติ” แล้ว เผย สธ. เตรียมออกประกาศกระทรวง ควบคุมกัญชา 2 ฉบับ

นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เปิดงาน เดินหน้า กัญชา แก้เจ็บแก้จน ซึ่งจัดโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่ต้องการผลักดันยากัญชาแผนไทย 5 รายการ คือ ยาแก้ลมแก้เส้น ยาศุขไสยาศน์ ยาทำลายพระสุเมรุ น้ำมันกัญชาสูตรหมอเดชา และน้ำมันกัญชาทั้ง 5 สูตร สู่ชุดสิทธิประโยชน์และบัญชียาหลักแห่งชาติ


ด้ายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาร่วมงาน พร้อมพูดคุยกับผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชนที่ปลูกกัญชาเพื่อแปรรูป พร้อมปาฐกถาพิเศษ ระบุถึง นโยบายกัญชา ว่ามาจากทีมยุทธศาสตร์ของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่ยอมแพ้ ได้อธิบายให้ตนทราบประโยชน์จากกัญชา โดยทางทีมใช้ระยะเวลาเป็นอย่างมาก ที่จะนำเสนอข้อมูลต่างๆ จนตนเองสนใจและเห็นความสำคัญของพืชกัญชา-กัญชง


ในชุดข้อมูลต่างๆ ได้มีการนำความเห็นมุมมองจากแพทย์แผนไทย และผู้ป่วยที่ได้มีการใช้กัญชารักษา ซึ่งผลจากการจ่ายยาอย่างถูกวิธีให้กับผู้ป่วย ยังไม่เห็นผู้ป่วยคนไหนมีผลเสียจากยากัญชา หรือมีอาการแทรกซ้อน


ทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่7 เพื่ออนุญาต การใช้ส่วนประกอบของกัญชาทางการแพทย์ ในหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นได้มีการทำศึกษาวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขทำมาก่อนที่ตนจะมาดำรงตำแหน่งเสียอีก จึงทำให้มีการเดินหน้าเปิดช่องกัญชาให้มากขึ้น โดยใช้กัญชาทางการแพทย์และเศรษฐกิจเป็นตัวนำ ยืนยัน สิ่งที่ทำมานี้ ถูกกฎหมาย หากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเห็นชอบ จนปลดล็อกในที่สุด


นายอนุทิน ระบุว่าสิ่งที่ห่วง คือ การเสพกัญชาเกินปริมาณ เกินระดับความปลอดภัย โดยได้เปรียบเทียบกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่หากดื่มเกินความจำเป็นหรือจำนวนมาก ก็ทำให้เกิดอาการมึนเมาได้ การใช้จะต้องใช้อย่างเข้าใจ


ส่วนร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยถูกเลื่อนขึ้นมาให้มีการพิจารณาเป็นอันดับแรก ได้มีการเห็นชอบในหลักการ ซึ่งขณะนี้ได้ประธานกรรมธิการแล้ว สำหรับข้อกังวลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกัญชา กระทรวงสาธารณสุข จะรวบรวมข้อมูลข้อแนะนำต่างๆ เพื่อให้กรรมธิการพิจารณา


ทั้งนี้ข้อกังวลการใช้กัญชาในที่สาธารณะจะเกิดอันตราย นายอนุทิน ระบุว่า กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขมีมานานแล้ว ซึ่งจะมีร่างประกาศของกระทรวงสาธารณสุขออกมา โดยประกาศ เรื่อง กลิ่นควันกัญชากัญชงหรือพืชอื่นใดเป็นเหตุรำคาญ พ.ศ 2565 มีผลบังคับใช้วันนี้ โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เป็นคนขอเซ็นลงนามเอง เพราะเข้าใจและเห็นว่าเป็นประโยชน์


ส่วนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องให้ กัญชา เป็นสมุนไพรควบคุม ตนได้ลงนามวันนี้ไปแล้ว เป็นการลงนามตามข้อห่วงใยของประชาชน ยืนยัน ที่ผ่านมาอยู่ในระเบียบขั้นตอนของกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนขออย่ากังวล หรือช่องโหว่ต่างๆ ได้เน้นย้ำเสมอ ว่าใช้กัญชาทางการแพทย์และสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ ไม่สนับสนุนให้ใช้เพื่อสันทนาการ


สำหรับข้อกังวลการเข้าถึงกัญชา เบื้องต้นมีการกำหนดว่า ผู้ที่จะเข้าถึงกัญชาได้ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป รวมถึงสตรีตั้งครรภ์ สตรีให้นมบุตรห้ามใช้ แปลว่าหากนักเรียนอายุต่ำกว่า20 ปีใช้ไม่ได้ ส่วนข้อกังวลต่อว่า ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เด็กอายุเกิน 20 ปีจะใช้ได้หรือไม่ ก็จะมีประกาศที่ออกมาควบคุมการใช้กัญชาในพื้นที่สาธารณะป้องกันไว้อยู่แล้ว


ขณะที่กรณี กทม. พบผู้เสียชีวิต 1 ราย แล้วมีการระบุว่า เสพกัญชาเกินขนาดนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ได้มีการประสานพูดคุยทำความเข้าใจ กับทางนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้ว โดยยกหูโทรศัพท์คุยกันเมื่อคืนนี้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เป็นการพูดคุยกันเฉยๆ เพราะตนกับผู้ว่าฯ ชัชชาติ รุ่นเดียวกัน รหัส 27


ล่าสุดทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาแถลงแล้ว ว่าผู้ที่เสียชีวิต ไม่ได้เสียชีวิตจากการเสพกัญชาเกินขนาด แต่ต้องไปหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการกำชับกับโรงพยาบาลในสังกัด ให้ตรวจสอบข้อมูลหากพบผู้ป่วยที่มีอาการไม่พึงประสงค์ ว่ามาจากกัญชาหรือไม่ เพราะบางรายเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนอื่น ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโควิด19 เสียชีวิต บางรายก็ไม่ได้เสียชีวิตจากโควิด19 หากกรณีพบผู้เสียชีวิต ก็ต้องมีการพิสูจน์ว่าเกิดจากบริโภคกัญชาหรือไม่ หรือเกิดจากโรคแทรกซ้อนอื่นๆ


ทั้งนี้ขอให้คิดถึงความรู้สึก คนในครอบครัว หากมีการระบุว่าการเสียชีวิต มาจากการเสพกัญชาเกินขนาด คนในครอบครัวจะรู้สึกอย่างไร โดยตนมองว่า ทุกการสูญเสีย เป็นเรื่องน่าเสียใจ อย่างไรก็ตาม กัญชาไม่ได้ต่างจากอาหารหรือพืชอื่นๆ หากใช้ในจุดที่เกินความปลอดภัยก็ย่อมมีปัญหา


ส่วนการปรุงอาหาร สามารถนำใบกัญชา มาต้ม 2-3 ใบได้ เพราะในใบกัญชา ไม่ได้มีสารพิษอะไร เบื้องต้นกรมอนามัย แนะนำหากจะบริโภคอาหารที่ปรุงจากกัญชาไม่ควรเกิน 2 เมนูต่อวัน


ทั้งนี้ภายในงานจะมีการอบรมเรื่องการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีของพืชกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และส่งออก รวมถึงการจัดแสดงบูทผลิตภัณฑ์กัญชาจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในส่วนของตำรับยาสมุนไพรที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม รวมถึงตัวแทนวิสาหกิจชุมชน ที่ได้มีการเพาะปลูกและแปรรูปผลิตภัณฑ์กัญชา


และคาดการณ์ว่า ประชาชนเกษตรกร รวมถึงภาคธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากพืชกัญชา โดยเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาทต่อวิสาหกิจต่อรายปี ขณะที่วิสาหกิจชุมชนที่ยื่นขอปลูกกัญชามีประมาณ 1976 แห่ง คาดว่าจะมีเงินไหลเวียนในระบบ 2,964 ล้านบาทต่อปี ขณะที่การส่งเสริมให้วัตถุดิบกัญชาเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารอาหารเสริมเครื่องสำอางคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 200,000 ล้านบาทต่อปี


ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชี้แจงกรณี นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงว่า อย่าเอาเรื่องกัญชามาโยงเป็นเรื่องการเมืองเพื่อหาเสียงในโรงเรียน ยืนยัน ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การโจมตีหรือดิสเครดิตทางการเมือง ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว ในฐานะที่ตนเป็นคนดูแลชาวกทม. จึงต้องดูแลลูกหลานให้ดี


ส่วนกรณีที่ว่าทำไมต้องรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเสพกัญชานั้น นายชัชชาติระบุว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ กทม.ต้องรายงานให้ประชาชนระมัดระวังการใช้กัญชา ซึ่งถ้าหากปกปิดหรือไม่รายงานให้ทราบก็จะถือเป็นความผิดของกทม. ทั้งนี้ถ้าหากข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดตนก็ขอโทษด้วย และยืนยันว่าจะเดินหน้าประกาศให้โรงเรียนในสังกัด ทั้ง 437 แห่ง เป็นเขตปลอดกัญชา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อเด็กที่ต้องเฝ้าระวัง


และหากในอนาคตกระทรวงสาธารณสุขจะมีประกาศควบคุมการใช้กัญชาในโรงเรียน ทาง กทม.ก็จะทำการศึกษา หากยังไม่ครอบคลุมก็จะออกมาตรการควบคุมให้รัดกุมมากขึ้น


ทั้งนี้ นายชัชชาติ ยอมรับด้วยว่าเมื่อคืนนี้มีคนกลางทำหน้าที่ประสานให้ตนได้พูดสายโทรศัพท์กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประเด็นพบคนเสียชีวิตจากการเสพกัญชา ซึ่งตนได้อธิบายถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วว่า ได้เปิดเผยข้อมูลตามหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งได้ปรับความเข้าใจกับนายอนุทินแล้ว และยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ตอนนี้ได้เข้าใจกัน และพร้อมทำงานกับกระทรวงสาธารณสุข


ส่วนความคืบหน้าของผู้เสียชีวิตวัย 51 ปีนั้น นายชัชชาติ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเพิ่มเติมจากสำนักการแพทย์แต่อย่างใด ซึ่งยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ชัดเจนว่าเสียชีวิตจากการเสพกัญชาเกินขนาดหรือไม่


ขณะเดียวกัน นายชัชชาติ ได้ชี้แจงประเด็นเรื่องบ้านพักที่ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า เมื่อ 7 ปีก่อน แม่ได้โอนที่ดินย่านพระราม 4 ให้เป็นมรดก แบ่งกับพี่ชายคนละครึ่ง จากนั้นตนได้ขายที่แล้วนำเงินไปซื้อบ้านที่สหรัฐอเมริกาในราคา 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 49 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันราคาขยับขึ้นไปอยู่ที่ 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 72 ล้านบาท


ส่วนที่ไม่ได้แสดงแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เนื่องจากได้มอบบ้านและที่ดินส่วนนั้นให้ลูกชายไปตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่ได้บรรลุนิติภาวะจึงใช้ชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ ส่วนหน่วยงานใดที่ยังมีข้อสงสัยตนพร้อมนำหลักฐานการซื้อขายเข้าชี้แจง


ส่วนที่มีสื่อบางช่องนำเสนอก็ขอขอบคุณที่ทำให้ตนได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ ส่วนที่ไม่ได้ชี้แจงบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช.นั้น เพราะเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมาตนทำงานภาคเอกชน และการซื้อบ้านก็เป็นการลงทุนปกติ แต่ยอมรับว่ากังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของลูกชาย เพราะมีการเปิดเผยรายละเอียดของที่อยู่