สังคม

ส.ส.เต้ เผยถ้าจบคดีอาญาฟ้องแพ่งต่อ เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

โดย taweelap_b

11 มิ.ย. 2565

74 views

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 65 นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ ไลฟ์สดชี้แจงกรณีที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน หรือแม่แตงโม ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่ฟ้องคดีฆาตกรรมกับคนบนเรือแล้ว เพราะหลักฐานไม่ถึงและเสี่ยงจะโดนฟ้องกลับต้องรับผิชอบคนเดียว


ส.ส.เต้ กล่าวชี้แจงว่า คดีของน้องแตงโม การดำเนินคดีอาญาในการฟ้องตรงเอง จะมีการประชุม สรุป รวมรวมหลักฐาน พยานทั้งหมด ทั้งพยานนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล และหลักฐานทั้งหมด จะประชุมสรุปกันในเย็นวันที่ 14 มิ.ย. 65  ในการประชุมนี้มีทีมกฎหมาย 3 ทีม คือ ทีมนายอัจฉริยะ ทีมพรรคศรีวิไลย์ และทีมอดีตผู้พิพากษาชนบท ตรวจดูร่างคำฟ้อง และในวันที่ 13 มิ.ย. 65 นายอัจฉริยะ จะไปปรึกษามาตรา 289 หรือ มาตรา 290 กรณีทำร้ายร่างกายถึงแก่ชีวิต ว่าหลักฐานและรายละเอียดที่มีจะเข้ามาตราใด ซึ่งหากฟ้องมาตรา 290 เชื่อมมาตรา 289 (7) ต้องไปดูว่าถ้าฟ้องอัตราโทษเบาแต่สุดท้ายหลักฐานไปถึงเป็นคดีฆาตกรรม ศาลจะลงโทษได้หรือไม่ต้องไปดูคดีเก่า


ส่วนการฟ้องกลับ ก็ต้องดูหลักฐานที่ได้มา ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พยานที่หามาจะเป็นเท็จไม่ได้ และการฟ้องกลับก็ไม่ได้ฟ้องง่าย ๆ ส่วนจำเลยจะฟ้องกลับได้ก็ต้องรอคดีหลัก จึงต้องทำรอบคอบ เพื่อให้คุณแม่ปลอดภัย โดยนายอัจฉริยะ จะเป็นผู้เบิกความแทนแม่แตงโมทั้งหมด เพราะแม่เซ็นเอกสารมอบอำนาจไปแล้ว ทีมงานจึงทำคดีด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้เขาฟ้องกลับได้ และแม่ปลอดภัย


นอกจากนี้ คดีแพ่งต้องรอเอกสารการจัดงานศพทั้งหมด จากผู้จัดการส่วนตัว คุณอั้ม พัชราภา ก่อน และรวบรวมหนี้สินของแตงโม ทั้งหมด จึงจะฟ้องแพ่งรวมรายได้แตงโมตั้งแต่อายุ 37 - 50 ปี คาดว่ามีรายได้ ประมาณ 200 ล้านบาท แต่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายแค่ 100 ล้านบาท 


"ส่วนหลักฐานทางคดีอาญา ที่เรากำหนดมาตรา 289 และ 290 เรากำลังคำนวณว่าจะฟ้องมาตราใด ต้องดูรอบคอบ รอบด้าน ส่วนพยานในส่วนของใบพัดเรือ บาดแผล ทีมทำคดีก็มีการประชุมมาแล้ว เรื่องพยานหลักฐานที่ผ่านมา โดยคุณแม่แตงโม ก็ไม่ได้เข้าประชุม เพราะเกรงจะรับข้อมูลเยอะไม่ได้ ยังอยู่ในความเศร้า ขอความกรุณาอย่าโทรหาคุณแม่ เพราะเรื่องข้อกฎหมาย แม่อาจจะไม่รู้เรื่อง แต่แม่มอบอำนาจให้คุณอัจฉริยะ และทีม ส.ส.เต้ ฟ้องแน่นอน แต่ต้องดูก่อนว่ามาตราใด" ส.ส.เต้ กล่าว 


อย่างไรก็ตาม พยานต่าง ๆ ก็รอทางดีเอสไอรับรอง ทั้งภาพถ่าย มือถือ จากบังแจ็ค และรายละเอียดต่าง ๆ ให้ทางดีเอสไอรับรอง และรอพยานผ้าที่บังแจ็คส่งให้หมอพรทิพย์ ซึ่ง กมธ. ส่งหนังสือสอบถามอัยการแล้วว่าจะรับผ้าไว้ในสำนวนด้วยหรือไม่ หากไม่รับก็จะส่งให้กับคุณแม่ และส่งให้ดีเอสไอตรวจดีเอ็นเอต่อไป


ส่วนหลักฐาน จีพีเอส มือถือ ของบุคคลบนเรือทั้งหมด ต้องประสานกระทรวงยุติธรรม ช่วยตรวจสอบ ว่ามีการพูดคุยอะไรกันและแต่ละคนอยู่จุดไหน ต้องตรวจสอบ ซึ่งมีทีมงานไม่น้อยกว่า 30 คน ไม่มีทางมั่ว และในวันที่ 14 มิ.ย. 65 จะประชุมกับทีมทั้งหมดและคุณแม่ แต่ไม่ขอบอกสถานที่ การประชุมก็เพื่อรวบรวมคดีให้เรียบร้อย รอบคอบ ตนยืนยันอย่างไรก็ฟ้อง เพราะทางตำรวจภูธรภาค 1 เขาฟ้องประมาท หากจำเลยรับสารภาพคดีก็จบ เราฟ้องอีกไม่ได้ จึงต้องฟ้องตรงเพื่อสู้คดี

คุณอาจสนใจ

Related News