รพ.รับรปภ.เถียงญาติไม่เหมาะสม รับขึ้นเสียงเหตุมีปัญหาด้านการฟัง

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิร์น โพสต์คลิปเหตุการณ์หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขณะญาติผู้ป่วยและ รปภ.โต้เถียงกัน เรื่องการเข้าเยี่ยมคนไข้ ซึ่งเจ้าของคลิปไม่มีบัตรเยี่ยมจึงถูก รปภ.ห้ามเยี่ยม แต่ญาติคนอื่นกลับเข้าเยี่ยมได้ โดยที่ รปภ.ไม่ขอตรวจบัตร จึงไปถาม รปภ.กลับถูกท้าตีท้าต่อย และขึ้นเสียงใส่

ล่าสุดวันที่ 10 มิ.ย. 65 นายนฤเบศร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ชาวอ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี เวลา 13.00 น. ของวันที่ 8 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางมาเยี่ยมแม่ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งที่ผ่านมาก็เข้าเยี่ยมได้ปกติ เพราะมีป้ายเขียนติดไว้ให้เยี่ยมในช่วงเวลา 11.00 - 18.00 น.

แต่วันนั้นรปภ.ได้เรียกถามว่ามีบัตรเยี่ยมหรือไม่ ตนก็ได้ตอบว่า ไม่มี และชี้แจงว่า ที่ผ่านมาเข้าได้ปกติ แต่รปภ.บอกว่าไม่ได้ ส่วนญาติคนอื่น ๆ สามารถเดินเข้าเยี่ยมได้ปกติ ตนจึงถามว่าทำไมคนอื่นถึงเข้าได้ จนเกิดเหตุในคลิป ในส่วนเรื่องสถานการณ์โควิดที่ว่ามีการเข้มงวดเรื่องการเยี่ยมนั้น ไม่เคยได้รับแจ้ง ที่ผ่านมา น้องเฝ้าแม่ เมื่อตนมาก็เอาบัตรมาสลับกันเยี่ยม แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ตนแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมมาตราฐานการเข้าเยี่ยมถึงไม่เหมือนกัน

นพ.สมศักดิ์ นิลพงศ์ ประธานคณะกรรมการความเสี่ยง และรับเรื่องร้องเรียน รพ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่าเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 โรงพยาบาลจึงได้จำกัดคนเข้าเยี่ยมผู้ป่วย และคนที่เฝ้าไข้ได้จะต้องมีบัตรและผ่านการตรวจหาเชื้อก่อน จึงต้องมีมาตรการที่เข้มข้นในการคัดกรอง เพราะเคยมีคนที่ไม่มีบัตรไม่ตรวจหาเชื้อขึ้นไปบนตึกผู้ป่วย สำหรับรายนี้ ไม่มีบัตร รปภ .ไม่ให้ขึ้นจนเป็นเหตุให้มีปากเสียงกัน อย่างไรก็ตาม หมอก็ต้องขอแสดงความเสียใจ เพราะโรงพยาบาลเป็นงานบริการจึงเน้นเรื่องการบริการให้ดี

สำหรับคลิปที่ออกไป ทางโรงพยาบาลก็เห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะพูดเสียงดัง และมีการท้าชกต่อย แต่ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำตามคำสั่งของโรงพยาบาล เพราะคนไข้ของโรงพยาบาลมีความเสี่ยงในเรื่องของการติดเชื้อ ส่วนคนที่ขึ้นไปได้อาจจะเป็นญาติเก่าหรือคนที่มีบัตรอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นการเข้าใจผิดกัน สำหรับ รปภ.คนดังกล่าว เป็นสำนักงานรักษาความปลอดภัย องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์

อย่างไรก็ตาม ทางหัวหน้าได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า รปภ. คนดังกล่าวเคยได้รับบาดเจ็บจากการเป็นทหารเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีปัญหาในด้านการฟัง อาจจะเป็นคนพูดเสียงดัง จึงเกิดหนีปัญหาดังกล่าวขึ้น