สังคม

ปลดล็อกกัญชา 9 มิ.ย.! ผู้ต้องหาพ้นโทษทุกกรณี - จ่อชงสูบห้ามขับ ห้ามโฆษณาชวนจัดปาร์ตี้

โดย thichaphat_d

30 พ.ค. 2565

231 views

วานนี้ (29 พ.ค. 65) ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้ความเห็นข้อกฎหมาย ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความ ดังนี้ 


"สำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกหนังสือเวียน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 เรื่อง ข้อพิจารณาความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาตามประมวลกฎหมายยาเสพติด


ซึ่งผมเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่ควรจะได้รับทราบไว้ จึงขอสรุปสาระสำคัญตามหนังสือเวียนดังกล่าว ดังนี้


ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ซึ่งประกาศฯ มีผลใช้บังคับ พืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดอีก


ดังนั้น การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย เสพ หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งพืชกัญชา หรือการกระทำอื่นเกี่ยวกับพืชกัญชาก่อนวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ซึ่งเดิมเคยเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5  ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522  และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด จึงไม่เป็นความผิดอีกต่อไป


ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ถ้าตามบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดอีกต่อไป ให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้ารับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง


ผลทางกฎหมายจากการที่พืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดอีกต่อไป จึงกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้


1. ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีหรือจำเลยที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลในความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาดังกล่าวพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด


2. สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (5)


3. ศาลไม่อาจขังผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ในระหว่างสอบสวนหรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาลได้ อีกต่อไป ดังนั้น เมื่อสำนวนความปรากฏแก่ศาลก็ต้องยกเลิกการฝากขัง ปล่อยตัวผู้ต้องหา หรือตรวจคืนหลักประกันในการปล่อยชั่วคราว (ถ้ามี) หรือหากคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ก็ต้องพิพากษายกฟ้อง


4. คดีความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จำเลยที่ได้รับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง ดังนั้น หากจำเลยอยู่ระหว่างการถูกกักขังแทนค่าปรับ ศาลก็ต้องปล่อยตัวจำเลยเนื่องจากไม่มีโทษปรับที่จะกักขังแทนค่าปรับต่อไปได้ หรือหากจำเลยอยู่ระหว่างการคุมความประพฤติ ก็ต้องยกเลิกการคุมความประพฤติ และหากจำเลยอยู่ระหว่างการถูกจำคุกในการกระทำความผิดฐานอื่นด้วย ก็จะต้องมีการแก้ไขหมายจำคุกเพื่อยกเลิกการบังคับโทษสำหรับความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชา


5 ไม่อาจนำคดีความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาซึ่งศาลเคยมีพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกจำเลยในคดีก่อนมาเป็นเหตุเพิ่มโทษ บวกโทษ หรือไม่รอการลงโทษในคดีหลังได้ เนื่องจากตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ดังที่กล่าวไป ถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาในคดีก่อน


6. พืชกัญชาไม่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อีกต่อไป จึงมิใช่ทรัพย์สินที่ต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 134"

----------

โดยสามารถสรุปได้ ดังนี้ 

9 มิ.ย. 65 ปลดล็อก 'กัญชา' ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5


  • ผลิต - ขาย - เสพ - ครอบครอง : พ้นคดีหมด
  • คดีระหว่างถูกดำเนินคดี : พ้นความผิด ศาลขังต่อไม่ได้
  • คดีอยู่ระหว่างพิจารณา : ต้องยกฟ้อง
  • อยู่ระหว่างรับโทษ : การลงโทษสิ้นสุดลง
  • คดีเก่าได้ล้างมลทิน : เอามาเป็นเหตุเพิ่มโทษ บวกโทษ หรือไม่รอการลงโทษในคดีหลังไม่ได้
  • พืชกัญชาไม่ใช่ทรัพย์สินที่ต้องริบตามกฎหมายอาญา : ริบของกลางไม่ได้

----------

นพ.ธงชัย กีรติหัตยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีมีข้อเรียกร้องให้มีการเฝ้าระวังป้องกันปัญหาอุบัติเหตุจราจร จากกรณีที่อาจเกิดจากการเมากัญชา หลังการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (ยส.5) เพื่อใช้ในทางการแพทย์ และเป็นส่วนประกอบในอาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งจะมีผลในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ว่า 


"ขณะนี้ทางกรมการขนส่งทางบก อยู่ระหว่างการผลักดันห้ามผู้ขับรถสาธารณะใช้กัญชา หากตรวจพบจะมีความผิดฐานเดียวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขับรถ"


“ซึ่งเท่าที่ทราบ ขณะนี้ทางกรมการขนส่งฯ กำลังออกข้อกำหนดในการตรวจหาสารในร่างกายอยู่ ส่วนประชาชนทั่วไปที่ขับรถนั้น คาดว่าจะมีการออกกฎหมาย หรือข้อกำหนดตามมา แต่เนื่องจากไม่ใช่กฎหมายที่ สธ.ออกได้เอง จึงยังต้องติดตามต่อไป ส่วนกฎหมายที่เราดูอยู่ตอนนี้คือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสาธารณสุข เกี่ยวกับกลิ่นควันของกัญชา กัญชง เป็นเหตุรำคาญ”


"ปัญหาของการนำกัญชาไปใช้ไม่เหมาะสม ขณะนี้คือการสูบแทบทั้งสิ้น เข้าความผิดเหตุรำคาญตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุขฯ โดยเฉพาะกรณีมีการจัดปาร์ตี้กัญชา หรือจัดกิจกรรม ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่า ห้ามไม่ให้มีการโฆษณาเชิญชวนใช้กัญชา เช่น กัญชาไนท์ ถือเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์"


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/i_5Fyr7_KvE


คุณอาจสนใจ

Related News