สังคม

'อนุทิน' ย้ำวัคซีนเข็มกระตุ้นสำคัญ สั่งสอบสวนโรค ฉีด 3 เข็ม อัตราดับ 7%

โดย thichaphat_d

12 พ.ค. 2565

52 views

วานนี้ (11 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการดำเนินมาตรการด้านสุขภาพแก่ชาวไทยมุสลิม ที่จะเดินทางไปประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ อาทิ การฉีดวัคซีน ที่จำเป็น ไปจนถึงแนวทางการดูแลด้านสุขภาพอื่นๆ ในส่วนของการควบคุมโควิด-19 ประเทศไทย ได้รับการยอมรับในเรื่องการจัดการโรคระบาด และเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี ซึ่ง WHO จะเผยแพร่ให้นานาชาติได้เรียนรู้


สำหรับปัจจัยความสำเร็จประกอบด้วย 5 ประการ ได้แก่  

1. ผู้บริหารประเทศให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหา

2. มีระบบหลักประกันสุขภาพและการดูแลปฐมภูมิที่ดี

3. มีความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ อสม. ที่เป็นกำลังสำคัญของสาธารณสุข

4. ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็ง

5. มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการโควิด 19


นอกจากนั้น ในที่ประชุม ยังเห็นชอบในแผน ยุทธศาสตร์กำจัดโรคไวรัสตับอักเสบ


จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทย นายอนุทิน ตอบว่า กระทรวงสาธารณสุข ยังมุ่งมั่นปรับโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่น เรามีการคลายล็อกเท่าที่สามารถทำได้ มาตรการเข้าประเทศก็ง่ายขึ้นแล้ว


อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ อย่างล่าสุด การเปิดประเทศที่ผ่านมายกเลิก Test and Go หากนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนโควิดครบ 2 เข็มก็ไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องตรวจ RT-PCR ซึ่งมีผู้เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นหลายเท่า และจะมีการผ่อนปรนมากขึ้น เช่น การยกเลิกระบบ Thailand Pass เมื่อถึงเวลาเหมาะสม


ทั้งนี้ เราไม่สามารถกำหนดได้ว่าวันนี้ เวลานี้ โรคโควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่นเลย มันต้องดูพฤติกรรม และสถานการณ์ เป็นสำคัญ ได้สั่งการ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค หามาตรการเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ เพื่อให้เกิดความเป็นปกติมากที่สุด แต่ต้องให้ประชาชนตระหนักรู้การใช้ชีวิตในช่วงที่โควิดไม่ได้หายไป


ในที่ประชุมได้หารือแผนดำเนินงานมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น และเตรียมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระยะ Post-pandemic เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด19 ของประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ ได้เข้าสู่ระยะขาลงของการระบาดแล้ว มีผู้ติดเชื้อผู้เสียชีวิตลดลงเร็วกว่าฉากทัศน์ที่คาดการณ์ไว้


ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีน ก็ยังเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอยู่มาก เพราะวัคซีนสามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้รับวัคซีนโควิดครบ 4 เข็ม ไม่มีอัตราการเสียชีวิตเลย สิ่งสำคัญขอให้กลุ่มเสี่ยง 608 ยิ่งผู้สูงอายุ ยิ่งไม่ได้รับวัคซีนยิ่งเสี่ยง ขอให้มารับวัคซีน โดยเฉพาะบูสเตอร์โดส เนื่องจากผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะพบว่าได้รับวัคซีนไม่ครบโดส บ้างก็ 1 โดส บ้างก็ 2 โดส ซึ่งไม่เพียงพอ  


โดยขอให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส มารับบูสเตอร์ เรื่องของการใส่หน้ากาก ก็มีความจำเป็น ต้องขอขอบคุณคนไทย ที่ยังไม่ละทิ้งในเรื่องนี้ เพราะนอกจากช่วยป้องกันโควิด-19 แล้วยังป้องกันโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ได้ด้วย


จากนั้น นายอนุทิน ได้กล่าวถึงความพร้อมของเวชภัณฑ์ว่า ประเทศไทยยังนำเข้ายาสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง เป็นข่าวดีที่ตอนนี้ราคายาหลายตัวถูกลงแล้ว อาทิ โมลนูพิราเวียร์ และเรมเดซีเวียร์ เป็นต้น ซึ่งยาบางตัวประเทศไทยสามารถผลิตได้เองด้วย ก็นับว่า มีความมั่นคงในเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก


ส่วนการที่มีข้อเสนอให้เอกชนรับยาเข้ามาเองได้เลยนั้น ต้องขอให้เข้าใจว่า ผู้ผลิตจดทะเบียนว่า ยาบางตัว ยังอยู่ในลิสต์ว่าใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงมีข้อจำกัดในการให้เอกชนนำเข้ามาเอง แน่นอนว่า ถ้าผู้ผลิตปลดล็อกตรงนี้แล้ว ภาครัฐก็พร้อมสนับสนุน เพราะถือว่าได้ให้เอกชนได้เข้ามาเพิ่มตัวเลือกด้านเวชภันฑ์แก่ประชาชน


นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ทำให้มีผู้เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นหลายเท่า ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้า ซึ่งจะมีการผ่อนปรนมากขึ้น อาจยกเลิกลงทะเบียน Thailand Pass เมื่อถึงเวลาเหมาะสม เพราะคนเดินทางเข้ามาหลายหมื่นคนต่อวันติดเชื้อไม่เกิน 10 คน


นายอนุทิน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เรื่องการฉีดวัคซีนโควิดของไทย ภาพรวมมากกว่า 134 ล้านโดส เป็นเข็มแรก 81% เข็มสอง 74% และเข็มกระตุ้น 38% ยังต้องเร่งฉีดเข็มกระตุ้นมากขึ้น ขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน เนื่องจากผู้เสียชีวิตจากโควิดเกือบ 100% เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุ มีโรคเรื้อรัง และรับวัคซีนไม่ครบ ทำให้ยิ่งมีความเสี่ยง


นายอนุทิน กล่าวว่า หากรับเข็มสามแล้วเกิน 3 เดือนให้มารับเข็มสี่ได้ทันที ส่วนคนทั่วไปรับเข็มสามครบ 4 เดือนให้มารับเข็มสี่ เพื่อให้กลุ่ม 608 มีภูมิคุ้มกันตลอดเวลา ยิ่งคนรับครบ 2 โดสมาตั้งแต่ พ.ค. 2564 ให้รีบมารับเข็มกระตุ้น


นายอนุทิน กล่าวอีกว่า “ที่ประชุมเห็นชอบเพิ่มอีกมาตรการหนึ่ง คือ หากมีผู้เสียชีวิตจากการรับวัคซีนครบ 3 เข็ม และเสียชีวิตจากโควิดจะสอบสวนโรคอย่างละเอียด เพื่อให้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นให้ประชาชนทราบถึงสาเหตุ แต่ปัจจุบันผู้รับวัคซีน 3 เข็ม มีอัตราเสียชีวิตประมาณ 7% ส่วนรับครบ 4 เข็มไม่มีเสียชีวิตเลย การสอบสวนโรคครั้งนี้ เราจะเน้นไปที่เสียชีวิตจากโควิด เพราะหากเสียชีวิตจากปัจจัยอื่น อย่างอุบัติเหตุ ก็ไม่ใช่”


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :  https://youtu.be/HSFsPOCEKZ0

คุณอาจสนใจ

Related News