ลูกสาวสะอื้น พ่อป่วยติดเตียง ติดโควิดดับ หลังรักษาที่บ้าน ได้ชุดยาไม่ครบ ไม่มีใครโทรถามอาการ

สถานการณ์โควิดซึ่งยังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากต่อวัน ซึ่งปัจจุบันการรักษาก็คือรับยาและไปรักษาตัวที่บ้าน  แต่ในกรณีผู้ป่วยกลุ่ม 608 ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ที่รักษาตัวที่บ้านยังคงน่าเป็นห่วง หากดูแลไม่ดี ก็เสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต อย่างเช่น กรณีนี้ผู้ป่วยอายุ 73 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง มีโรคประจำตัว โรคเบาหวาน ความดัน ติดเชื้อโควิด เข้าระบบรักษาตัวที่บ้านแต่อาการทรุด เสียชีวิตคาบ้าน

โดยคุณนงลักษณ์ ลูกสาว คุณลุงบุญจันทร์ กองสุข อายุ 73 ปี เล่าว่า ที่บ้านอาศัยกัน 5 คน เริ่มพบว่าติดเชื้อเมื่อวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม จากนั้นก็ไปตรวจแบบ rt-pcr ผลออกมาวันที่ 22 มีนาคม พบว่าคุณพ่อติดเชื้อ และสมาชิกในบ้านติดเชื้อ 4 คน

เนื่องจากคุณพ่อสูงอายุ และเป็นกลุ่ม 608 แต่ช่วงที่ตรวจเชื้อ ยังไม่มีอาการมาก จึงเข้าระบบรักษาตัวที่บ้าน วันที่ 24 มีนาคม มีเจ้าหน้าที่เทศบาลนำยาจากศูนย์สาธารณสุขใกล้บ้านมา 1 ชุด ในชุดระบุว่าจะมีเครื่องวัดออกซิเจน และปรอท แต่ไม่มี เจ้าหน้าที่บอกจะเอามาให้ทีหลัง

จากนั้นก็ให้คุณพ่อกินยาตามอาการ แต่ปรากฎว่า ผ่านมา 7 วันเมื่อวันเสาร์ที่ 26 มีนาคม คุณพ่อมีอาการไอมากขึ้น และเริ่มอ่อนเพลีย ตนจึงประสานไป รพ.ก็แจ้งว่า ไม่สามารถรับพ่อดูแลได้ จะให้รับต้องมีญาติมาดูแล ซึ่งญาติที่ติดโควิด ก็มีแม่ที่สูงอายุ และลูกหลานยังเป็นเด็ก ไม่สามารถดูแลพ่อได้ จึงปรึกษากับญาติ หาทางพาพ่อไปรพ. จึงประสานขอคำปรึกษากับกลุ่มเส้นด้าย กำลังช่วยประสานหารพ.ให้ และส่งทีมอาสาเข้ามาตรวจประเมินอาการ

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ปรากฎว่า เมื่อมาถึง พบว่าคุณพ่อตัวแข็ง เสียชีวิตแล้ว โดยไม่ทันได้ร่ำลา หรือพูดคุยใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งสุดท้ายที่คุณพ่อบอกคือร้อนให้หลานเอาพัดลมมาให้ และก็ไอทุกคนในบ้านเข้าใจว่าพ่อคงหลับไป แต่นั่นคือพ่อเสียชีวิต

ตั้งแต่รับยามา ทางศูนย์สาธารณสุข หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีโทรมาถามอาการหรือออกมาตรวจอาการเลย ทั้งที่ตนก็แจ้งว่าพ่อเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่ม 608 และวันที่พ่อเสียชีวิตตนก็ได้ไลน์ไปบอกเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า ขอแสดงความเสียใจด้วย

ตนในฐานะลูก ไม่เข้าใจว่า คนติดเชื้อที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ควรจะดูแลมากกว่านี้ หรือควรจะมีแพทย์ออกมาดูแลหรือสอบถามบ้าง ตนไม่รู้ว่าลักษณะใดคืออาการทรุดเพราะไม่มีอุปกรณ์วัดออกซิเจนมาให้ จะให้ออกไปซื้อพวกตนก็คือคนติดเชื้อ กังวลจะไปแพร่เชื้ออีก

อยากขอให้ภาครัฐปรับวิธีดูแลคนไข้ หากรักษาตัวที่บ้านก็ควรจะดูแล หรือเข้ามาตรวจให้คำแนะนำเราบ้าง ไม่ใช่ให้ยาแล้วก็จบ

ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือบ้านของผู้เสียชีวิตนี้ ไม่มีห้องน้ำใช้ ต้องไปอาศัยใช้ห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งทั้งบ้านติดเชื้อ 4 คน และใช้ห้องน้ำสาธารณะ ก็เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ให้บุคคลอื่นด้วย แต่ครอบครัวนี้ก็ไม่มีทางเลือก เพราะบ้านไม่มีห้องน้ำ

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/fXmScGC0JwI