'พิธา' ติดโควิดซ้ำ 2 ภายใน 1 เดือน 'หมอโอภาส' ชี้มีโอกาสติดซ้ำได้ หากต่างสายพันธุ์

วานนี้ (28 มี.ค. 65) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แจ้งติดโควิดครั้งที่ 2 ระบุ ... 

"จากที่ผมได้ชี้แจงกับพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางส่วนตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ว่าผมและลูกสาวของผมตรวจพบเชื้อโควิดผ่านชุดตรวจ ATK ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เข้าสู่ระบบ HI และกักตัวเป็นเวลา 10 วันหลังจากที่มีอาการ จนหายจากอาการโควิดและตรวจไม่พบเชื้อในสัปดาห์ถัดมา กลับไปทำงานตามปกติและยังตรวจ ATK เป็นประจำทุกวัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานซืนนี้ผมได้มีอาการไม่สบายอีกครั้งหนึ่งและตรวจพบเชื้อโควิดผ่านชุดตรวจ ATK ผลเป็นบวกทั้งๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ ผมจึงไปตรวจยืนยันผลอีกครั้งโดยการตรวจ PCR ก็พบว่าติดเชื้อโควิดอีกครั้งหนึ่ง โดยมีค่า CT อยู่ที่ 19 ซึ่งแพทย์ระบุว่าหมายถึงปริมาณเชื้อมาก วินิจฉัยว่าเป็นการติดโควิด (reinfection) อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ซากเชื้อจากการเป็นโควิดครั้งก่อน

การติดโควิดครั้งที่สองสันนิษฐานว่าติดจากช่างภาพที่ร่วมงานกัน (ถือเป็น close contact เดียวที่ติดโควิด)โดยผมติดคนเดียว ลูกสาวของผมไม่ได้ติดด้วยและตอนนี้ลูกอยู่ในความดูแลของคุณแม่แล้วครับ

เมื่อได้คอนเฟิร์มผลด้วยการตรวจ PCR ว่าเป็นการติดซ้ำครั้งที่ 2 (Reinfection) แน่นอน ผมได้สอบถามแพทย์เรื่องการติดซ้ำของสายพันธุ์โอมิครอน BA1 และ BA2 ได้รับการชี้แจงว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และในอังกฤษมีผู้ติดโควิดซ้ำถึง 650,000 คน โดยโอมิครอนมีโอกาสติดซ้ำมากกว่าเดลตาถึง 5 เท่า ตอนนี้กำลังมีการส่งต่อผลแล็บของผมเพื่อตรวจสายพันธุ์ต่อไปครับ"

ด้าน นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ กรณีการพบติดเชื้อซ้ำในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน จากข้อมูลที่มีเนื่องจากเป็นโรคใหม่ พบว่า โอกาสเกิดการติดเชื้อในเวลาใกล้เคียงกัน โดยมากจะพบเป็นการติดเชื้อคนละสายพันธุ์ เช่น เป็นสายพันธุ์เดลต้า และสายพันธุ์โอมิครอน ลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ แต่หากเป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน แต่เป็นคนละสายพันธุ์ย่อยอย่าง BA.1และ BA.2 จากข้อมูลยังไม่แน่ชัด แต่มีโอกาสการเกิดได้ 1 ในล้าน

แต่ทั้งนี้คนที่ติดเชื้อ ซ้ำอาจต้องดูข้อมูลเรื่องความรุนแรงของอาการป่วย ประวัติ ข้อมูลทางระบาดวิทยา รวมถึงระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังการติดเชื้อ เรื่องจากร่างกายของแต่ละคนมีการสร้างภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกัน และระดับภูมิคุ้มกันที่ลดลงก็ใช้ระยะเวลาแตกต่างกัน ด้วยรวมถึงตัองดูผลการตรวจจากห้องปฏิบัติเพื่อวินิจฉัยให้แน่ชัด

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/wY2D8z7_x2k