สังคม

สธ.ยันมียาฟาวิฯ เพียงพอร่วม 10 ล้านเม็ด - 'ชมรมแพทย์ชนบท' ซัดกลับให้รับความจริง ยาขาดแคลน

โดย thichaphat_d

28 มี.ค. 2565

86 views

วานนี้ (27 มี.ค. 65) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรมเร่งดำเนินการจัดหายา โมลนูพิราเวียร์ ยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน เพื่อใช้รักษาโรคโควิดในกลุ่มเสี่ยงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่มีประวัติได้รับวัคซีน หรือได้รับเพียง 1 เข็ม เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการรุนแรง ตามแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมการแพทย์ เพื่อเป็นทางเลือก เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565


ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งให้ องค์การเภสัชกรรมจัดเตรียมข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำการแผนจัดซื้อจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ โดยขณะนี้องค์การเภสัชกรรมได้คัดเลือกแหล่งที่มีคุณภาพไว้แล้ว อยู่ระหว่างเจรจากำหนดส่งมอบและราคา


ซึ่งผู้ผลิตมีความพร้อมในการส่งมอบ คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากทำสัญญา สามารถจัดส่งยาให้องค์การเภสัชกรรมล็อตแรก จำนวนประมาณ 10 ล้านแคปซูล โดยองค์การเภสัชกรรม เป็นผู้ดำเนินการจัดส่งกระจายให้กับหน่วยบริการแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่ ตามแผนกระจายยาของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC)


ทั้งนี้ วันที่ 26 มีนาคม นพ.กรกฤช ลิ้มสมมุติ ผู้อำนวยการกองบริหารการสาธารณสุข กล่าวถึงการบริหารจัดการ ‘ยารักษาผู้ป่วยโควิด-19’ ที่ยังเป็นประเด็นว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ มีไม่เพียงพอ โดยระบุว่า ตามหลักการให้ยากับผู้ป่วยโควิด-19 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำว่าให้มุ่งเน้นการจ่ายยาตามแนวทางการรักษา เพื่อให้การบริหารจัดการสถานการณ์มีประสิทธิภาพสูงสุด


ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเรื่องยาเต็มที่ โดยสนับสนุนยาลงไปในสถานพยาบาลตามจำนวนคนไข้ แต่เราก็เข้าใจมุมของคนไข้ ที่อยากจะรับยา ‘ฟาวิพิราเวียร์’ เพื่อให้อาการดีขึ้นโดยเร็ว แต่เราก็จะต้องควบคู่กับการบริหารจัดการต่างๆ ด้านงบประมาณยาเราใช้ไปรวมๆ 6 พันล้านบาท และก็ยังเตรียมไว้อีกเพื่อสนับสนุน ยืนยันว่ายาไม่ขาดแคลน


ทั้งนี้ ข้อมูลคลังยาโดยประมาณ ณ วันที่ 25 มีนาคม ยา ‘ฟาวิพิราเวียร์’ กระจายในภูมิภาครวม 10 ล้านเม็ด และอยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) 2-3 ล้านเม็ด


ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก 'ชมรมแพทย์ชนบท' ได้โพสต์ข้อความว่า ...


ฟาวิพิราเวียร์ที่ขาดหนัก ยังไม่เท่าความอึมครึมของข่าวสาร

“ทำไมหมอไม่ให้ยาฟาวิ ยายผม 60 ปีแล้ว มีเบาหวานด้วย”

“ช่วงนี้ยาฟาวิมีน้อยมาก หมอขอสงวนไว้สำหรับคนที่หนักจริงๆนะ”

“โรงพยาบาลห่วยๆ ยาฟาวิก็ยังไม่มี ”

“มันไม่มียาจริงๆ กินฟ้าทะลายโจรไปก่อน ได้ผลเหมือนกัน หากไม่ดีขึ้นมาโรงพยาบาลได้ตลอด”

“ถ้ายายผมพี่ผมเป็นอะไรไป หมอต้องรับผิดชอบ”

นี่คือสถานการณ์จริงหน้างาน สืบเนื่องจากความคาดหวังของผู้ป่วยและญาติกับฟาวิพิราเวียร์ที่ขาดแคลนหนัก


สถานการณ์ฟาวิพิราเวียร์ที่ขาดหนักทั้งประเทศ ยังไม่ดีขึ้นนับตั้งแต่ที่ชมรมแพทย์ชนบทออกมาบ่นดังๆเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565  และผู้ใหญ่ผู้โตพูดออกสื่อว่า “ไม่จริง ยามีเพียงพอ” แต่ความจริงถ้าลองถามโรงพยาบาลต่างๆดู จะพบมาช่วงเดือนสองเดือนนี้ ฟาวิมีใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย  แม้จ่ายยาตามแนวปฏิบัติของกรมการแพทย์ที่ใช้จ่ายเฉพาะคนอายุ 60ปีขึ้นไปก็ยังไม่พออย่างยิ่ง ขาดหนักจนบางพื้นที่ให้เฉพาะคนที่มีภาวะปอดบวมเท่านั้น

ฟาวิพิราเวียร์เป็นยาต้านไวรัส ลดการแบ่งตัวของไวรัส งานวิจัยของศิริราชชัดเจนว่า การทานฟาวิเร็วภายใน 2 วันแรกของการเจ็บป่วย จะช่วยให้โอกาสที่อาการจะหนักลดลง ดังนั้นยาฟาวิหากจะให้ได้ผลดี ต้องทานให้เร็ว การมียาเพียงพอจึงจำเป็น


ฟาวิพอไม่พอ ขอให้ สธ.แถลงแบบลงรายละเอียดว่า เหตุที่ฟาวิจึงขาดหนัก การนำเข้าเคมีภัณฑ์สะดุดหรือ องค์การเภสัชผลิตปั๊มเม็ดยาได้สัปดาห์ละกี่เม็ด คงที่ไหม ราคาผลิตเองเม็ดละเท่าไหร่ ข่าวที่ว่าองค์การเภสัชจะเลิกผลิตโดยจะนำเข้าอย่างเดียวจริงไหม ทำไม ขณะนี้นำเข้ามาสัปดาห์ละกี่เม็ด ราคาเม็ดละเท่าไหร่ รวมๆแล้วแต่ละสัปดาห์จะมีฟาวิให้กระจายได้กี่เม็ด จะกระจายอย่างไร เป็นต้น

การขาดแคลนฟาวิพิราเวียร์เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมกระทรวงสาธารณสุขไม่ออกมาบอกความจริงกับสังคมและโรงพยาบาลต่างๆ และร่วมวางแผนกันให้เปิดเผย สิ่งที่ทุกโรงพยาบาลอยากรู้คือ จะได้รับจัดสรรครั้งละประมาณกี่เม็ดและหลังรับจัดสรรแล้วอีกกี่วันจึงจะได้มาอีก จะได้บริหารยาให้เหมาะสมกับจำนวนยาที่มี

ความยากของแพทย์และบุคลากรสุขภาพในปัจจุบันคือ  ไม่รู้เลยว่ายาฟาวิที่เหลืออยู่ในมือสมมุติว่า มีเหลือ 2000 เม็ด ซึ่งใช้ได้ 40 คน อีกกี่วันจึงจะได้มาเติม จะได้บริหารยาให้ดีที่สุดในท่ามกลางความขาดแคลน

ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์นั้นแม้จะนำเข้ามาแล้ว แต่มีจำนวนน้อย ราคาแพงกว่าฟาวิมาก การจะขอใช้ยายุ่งยาก จึงไม่อาจนำมาทดแทนฟาวิได้

การยอมรับความจริงและร่วมวางแผนรับสถานการณ์ที่ขาดแคลนอย่างเปิดอกของ สธ. น่าจะดีกว่าการปล่อยให้อึมครึมปล่อยให้พื้นที่ไถๆเอาตามมีตามเกิดแบบนี้นะครับ ไถมาร่วมเดือนเดือน  ชักจะไถไม่ไหวแล้ว คนไข้ไม่เข้าใจ ก็ทะเลาะกับแพทย์พยาบาลทุกวัน

รอบนี้อย่าบอกนะว่า “ยาฟาวิมีเพียงพอ” ปัญหามีไว้แก้ ขอแค่บอกความจริงกับสังคม แล้วแก้ปัญหาไปด้วยกัน"


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Dd7XmXa2d6g

คุณอาจสนใจ

Related News